จรวดธนูฟ้า
วันที่
29
พฤษภาคม 2525 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการฝึกร่วม
25 บริเวณเขาอีด่าง จังหวัดปราจีนบุรี มีการจัดแสดงอาวุธและอำนาจการยิงจากสามเหล่าทัพ
เพื่อโชว์แสนยานุภาพส่วนหนึ่งของกองทัพไทยให้ประชาชนชาวไทยเกิดความอุ่นใจว่า ทหารไทยสามารถปกป้องอธิปไตยจากการรุกรานของข้าศึกต่างชาติ
ในการแสดงอำนาจการยิงครั้งนี้
กองทัพอากาศโดยสำนักงานวิจัยและพัฒนาอาวุธยุทธภัณท์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กองทัพอากาศ หรือ วพย.ศวท.ทอ.นำผลสำเร็จจากการพัฒนาจรวดมาแสดงและทดสอบยิงต่อหน้าผู้บัญชาการทหารสูงสุด
รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายทหารระดับสูงจากกองบัญชาการทหารสูงสุด นายทหารระดับสูงจากสามเหล่าทัพ
ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน ผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศ ตลอดจนประชาชนจำนวนรวมประมาณหนึ่งหมื่นคน
การแสดงอำนาจการยิงของจรวดที่
วพย.ศวท.ทอ.พัฒนาขึ้นนั้น นาวาอากาศเอก
มรกต ชาญสำรวจ รองผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายงานต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดในฐานะประธานการแสดงอาวุธและอำนาจการยิงดังนี้
ภารกิจการยิงสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึกด้วยอาวุธภาคพื้นดินเป็นสิ่งจำเป็น
แม้กองทัพอากาศจะมีเครื่องบินขับไล่คอยสกัดกั้นข้าศึก และสามารถทำลายเครื่องบินข้าศึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่เครื่องบินข้าศึกส่วนหนึ่งอาจบินฝ่าการสกัดกั้นเข้าสู่พื้นที่ซึ่งเป็นเป้าหมายทางทหาร
จึงเป็นหน้าที่กองกำลังภาคพื้นดินกองทัพอากาศต้องต่อสู้กับเครื่องบินข้าศึก
กองทัพอากาศจึงได้พัฒนาอาวุธจรวดพื้นสู่อากาศขึ้นมาใช้งาน
เพื่อยิงสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึกทั้งในระดับต่ำ ระดับปานกลาง และระดับสูง
การยิงจรวดพื้นสู่อากาศที่กองทัพอากาศพัฒนาเองทั้งหมดนั้น
นอกจากเป็นการทำลายเครื่องบินข้าศึกโดยตรงแล้ว
ยังสามารถยิงอย่างต่อเนื่องในพื้นที่กว้างเป็นฉากกั้น เพื่อลดขีดความสามารถการเข้าโจมตีของเครื่องบินข้าศึกได้อีกหนึ่งทาง
วิธียิงจรวดพื้นสู่อากาศเป็นฉากกั้นนับเป็นยุทธวิธีอย่างหนึ่ง
สามารถจำกัดการเข้าโจมตีของเครื่องบินข้าศึก และบังคับให้ข้าศึกโจมตีในทิศทางและระดับความสูงตามที่ฝ่ายเราต้องการ
อาวุธจรวดพื้นสู่อากาศที่กองทัพอากาศทำการวิจัยและพัฒนาเป็นผลสำเร็จ เมื่อนำมาใช้งานทางยุทธวิธีที่เหมาะสมแล้ว
จะทำให้กองทัพไทยสามารถยับยั้งการโจมตีของเครื่องบินข้าศึกราคาแพง
ด้วยอาวุธจรวดราคาถูกที่เราวิจัยและพัฒนาด้วยตัวเอง
การแสดงอานุภาพการยิงอาวุธจรวดพื้นสู่อากาศที่วพย.ศวท.ทอ.วิจัยและพัฒนาขึ้นมาใช้งาน
กองทัพอากาศสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชมด้วยการยิงจรวดเห่าฟ้า-1 ซึ่งเป็นจรวดชนิดหางเลื่อนจากฐานยิง 32 นัดจำนวน 3
ฐานรวมจำนวนรวม 44 นัด นั้น นาวาอากาศเอก มรกต
ชาญสำรวจ เปิดเผยว่าอำนาจการยิงของจรวดเห่าฟ้า-1
ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 2,600 ตารางเมตร
อำนาจทำลายรัศมีทรงกลมโดยรอบประมาณ 30 เมตรหรือเส้นผ่าศูนย์กลาง
60 เมตร
สามารถยิงเป็นฉากสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึกที่ระดับความสูง 4,000 ถึง 6,000 ฟุต
รายการถัดไปคือการทดสอบยิงจรวดเห่าฟ้า-2 ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงจรวดเห่าฟ้า-1 ต่างกันก็เพียงจรวดเห่าฟ้า-2 ถูกพัฒนาให้มีความทันสมัยมากกว่าเดิม โดยออกแบบให้ระหว่างเดินทางหางจรวดนิ่งกว่าเดิมส่วนตัวจรวดจะหมุนแทน
ลักษณะเช่นนี้จะทำให้จรวดเห่าฟ้า-2 มีความแม่นยำมากขึ้น ในการทดสอบจรวดเห่าฟ้า-2
ใช้ฐานยิงบรรจุ 20 นัดจำนวน 3 ฐาน
จำนวนรวมจรวดเห่าฟ้า-2 ที่ใช้ยิงทดสอบเท่ากับ 60 นัด
การทดสอบรายการปิดท้ายคือจรวดธนูฟ้า
ซึ่งถูกออกแบบให้ยิงสกัดกั้นเป้าหมายระดับความสูงตั้งแต่ 16,000
ฟุตจนถึง 20,000 ฟุต
จรวดธนูฟ้าเป็นพัฒนาการที่ก้าวหน้าควรค่าแห่งความภูมิใจ
เพราะเป็นจรวดขนาดมาตรฐานขนาด 2.75 นิ้วเหมือนประเทศอื่น กองทัพอากาศทำการวิจัย
พัฒนา และสร้างเองทั้งหมด
โดยมิได้อาศัยวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศนอกจากวัตถุดิบบางอย่างที่จำเป็นต้องนำเข้า
นับเป็นจรวดแบบมาตรฐานโลกที่คนไทย (วพย.ศวท.ทอ.) พัฒนาและสร้างเองทั้งหมดทุกชิ้นส่วน
จรวดธนูฟ้าหนัก
18.3
ปอนด์ ยาว 4.8 นิ้ว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.75
นิ้ว ระยะยิงไกลสุด 5 ไมล์หรือ 8 กิโลเมตร น้ำหนักหัวรบ 6.5 ปอนด์ ใช้ชนวนแตกอากาศเริ่มทำงานเมื่อยิงออกไปได้ประมาณ
10-15 วินาที ใช้ฐานยิงบรรจุ 4 นัดขนาดเล็กกะทัดรัด
ก่อนหน้านี้โครงการพัฒนาจรวดธนูฟ้าถูกตั้งชื่อว่า
‘แซม-เอ็กซ์โอ’ ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาประมาณ
10 เดือนกระทั่งประสบความสำเร็จเข้าสู่สายการผลิต จรวดธนูฟ้าเป็นจรวดชนวนแตกอากาศที่ระดับความสูง
16,000 ถึง 20,000 ฟุต
ใช้หัวรบชนิดฟรักเมนเตชัน (Fragmentation) บรรจุเม็ดโลหะให้ความร้อนสูงถึง
3,300 องศาเซลเซียส เม็ดโลหะจำนวนมากในหัวรบจะแตกกระจายในวงกว้าง
เมื่อสำผัสโดนลำตัวเครื่องบินเม็ดโลหะจะเกิดไฟลุกไหม้ทันที
จรวดธนูฟ้าแต่ละนัดสามารถครอบคลุมพื้นที่มากถึ
ง 18,000
ตารางเมตร อำนาจทำลายรัศมีทรงกลมโดยรอบประมาณ 50 เมตรหรือเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 เมตร สามารถยิงเป็นฉากสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึกที่ระดับความสูง
4,000 ถึง 6,000 ฟุต
อำนาจการทำลายจึงเหนือกว่าทั้งจรวดเห่าฟ้า-1 และจรวดเห่าฟ้า-2
หมายเหตุ
:
โครงการจรวดเห่าฟ้าถูกพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งกลายเป็นจรวดเห่าฟ้า-5
MOD 1 ใช้ขนาด 2.75 นิ้วแบบมาตรฐานโลกเหมือนจรวดธนูฟ้า
ส่วนจรวดธนูฟ้าเงียบหายไปเลยไม่มีผลการทดสอบครั้งใหม่
ผู้เขียนคาดเดาเอาเองว่าจรวดธนูฟ้ากลายร่างเป็น จรวดเห่าฟ้า-5 MOD 1 ในปี 2529
เพียงแต่ไม่มีหลักฐานชัดเจนช่วยในการยืนยันข้อมูล
++++++++++++++++
อ้างอิงจาก
:
นิตยสารสงคราม ฉบับวันที่ 20 กรกฎาคม 2525
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น