จีนยุติการซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวันเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังคงส่งเครื่องบินมาให้ถ่ายภาพไปอวดประชาชนตามปรกติ
ระหว่างฝึกซ้อมมีการเผชิญหน้ากันระหว่างเรือรบสองฝ่าย ปรากฏว่าเรือจีนเป็นฝ่ายได้เปรียบเรือไต้หวันอย่างชัดเจน
ผู้เขียนหมายถึงจีนได้เปรียบเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ
เรามาเปรียบมวยระหว่างสองชาติกันสัก 3 คู่
คู่ที่หนึ่ง
-จีน: เรือพิฆาตชั้น Type 052D ระวางขับน้ำ 7,500 ตัน ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ 2
ตัวกับเครื่องยนต์ดีเซล 2 ตัว
-ไต้หวัน: เรือพิฆาตชั้น KIDD ระวางขับน้ำ 7,289 ตัน ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ 4 ตัว
ผลสรุป:
ความเร็วเดินทางเรือจีนค่าใช้จ่ายน้อยกว่า เนื่องจากใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก
คู่ที่สอง
-จีน: เรือฟริเกตชั้น Type 054A ระวางขับน้ำ 3,963 ตัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 ตัว
-ไต้หวัน: เรือฟริเกตชั้น Oliver Hazard Perry ระวางขับน้ำ
4,100 ตัน ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ 2 ตัว
ผลสรุป:
เรือจีนค่าใช้จ่ายน้อยกว่าทุกระดับความเร็ว เนื่องจากใช้เครื่องยนต์ดีเซลล้วน
ส่วนเรือไต้หวันใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ล้วน
คู่ที่สาม
-จีน: เรือคอร์เวตชั้น Type 056 ระวางขับน้ำ 1,500 ตัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2 ตัว
-ไต้หวัน: เรือฟริเกตชั้น KNOX ระวางขับน้ำ 4,065 ตัน ใช้เครื่องกังหันไอน้ำ Steam Turbine 1 ตัว
ผลสรุป:
เรือจีนค่าใช้จ่ายน้อยกว่าทุกระดับความเร็ว เพราะใช้เครื่องยนต์ดีเซลล้วน
และเรือขนาดเล็กกว่าเรือไต้หวันอย่างเห็นได้ชัด
การแบกน้ำหนักเรือโดยส่งเรือใหญ่ตามประกบเรือเล็ก
ส่งผลเสียหายอย่างหนักต่อค่าใช้จ่ายกองทัพเรือไต้หวัน
รวมทั้งค่าซ่อมบำรุงเรือฟริเกตยุคสงครามเย็นอายุ 40 กว่าปี ใช้เครื่องยนต์โบราณยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่เรือคอร์เวตจีนใช้เครื่องยนต์ดีเซลทันสมัยกว่าประหยัดกว่า
อายุประจำการเรือไม่กี่ปีเท่านั้น ค่าซ่อมบำรุงน้อยกว่าเกินสองเท่าตัว
นี่คือวิธีเชือดเฉือนเอาชนะฝ่ายตรงข้าม
โดยไม่ต้องเหนี่ยวไกปืนแม้แต่นัดเดียว
บทวิเคราะห์:
ถ้าจีนส่งเรือรบมาก่อกวนทุกวันวันละ 15-20
ลำ ภายใน 6-8
เดือนกองทัพเรือไต้หวันจะเกิดวิกฤตด้านพลังงานอย่างหนัก
กับปัญหาการซ่อมบำรุงเรือรบเก่าอายุมากกว่า 30
ปีจากอเมริกาทุกลำ
ด่านตั้งรับของไต้หวัน
ในการฝึกซ้อมแต่ละวันจีนส่งเรือรบจำนวน
15-20 ลำ ลอยลำข้ามจุดแบ่งช่องแคบไต้หวันก่อนกระจายกำลังโอบล้อมเป้าหมาย จากนั้นจึงส่งหน่วยกล้าตายเข้าใกล้ทะเลอาณาเขตหรือ
Territorial Waters ของไต้หวัน โดยมีเครื่องบินขับไล่จำนวน 20-30 ลำเข้ามาก่อกวนในเขตป้องกันภัยทางอากาศหรือ ADIZ
การตั้งรับของไต้หวันแบ่งเป็น 2 ด่านสำคัญ
ด่านแรก: กองเรือที่จีนลอยลำอยู่ในระยะห่างไกล ไต้หวันจะส่งเรือรบตามประกบแบบห่างๆ หน้าที่นี้ส่วนใหญ่เป็นของเรือฟริเกตชั้น Kang Ding หรือ La Fayette เวอร์ชันไทเป เนื่องจากเป็นเรือใหม่อายุอานามเพียง 24-26 ปี ใช้เครื่องยนต์ดีเซลล้วนประหยัดค่าใช้จ่ายพอสมควร
ด่านสอง:
เรือรบจีนที่จงใจลอยลำเข้าใกล้ทะเลอาณาเขต หรือลุกล้ำเข้าสู่ทะเลอาณาเขตโดยความตั้งใจ
ไต้หวันจะใช้เรือพิฆาตชั้น KIDD เรือฟริเกตชั้น
Oliver Hazard Perry และเรือฟริเกตชั้น KNOX ตามประกบระยะชิดใกล้แบบแมนทูแมน โดยมีอากาศไร้คนขับขนาดกลาง
กับฐานปล่อยอาวุธนำวิถีบนชายฝั่งช่วยประสานงาน เรือลำไหนมีแนวโน้มฝ่าเข้าใกล้น่านน้ำภายในหรือ
Internal Waters ไต้หวันจะส่งเรือแล่นเข้าเทียบกราบเรือพร้อมกับแจ้งเตือนผ่านวิทยุครั้งสุดท้าย
หากยังดื้อเพ่งไม่หักหัวเรือกลับไต้หวันจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีรุนแรงมากกว่าเดิม
ผู้เขียนขอลงลึกรายละเอียดสักเล็กน้อย
เนื่องจากจีนส่งเครื่องบินขับไล่เข้ามาจำนวนมาก
แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศเรือฟริเกตชั้น Kang Ding จัดว่าไม่ดีเท่าไร เพราะเรือติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน Sea
Chaparral (หรือ Sidewinder) ค่อนข้างโบราณ
กับระบบป้องกันตนเองระยะประชิด Phalnx 1 กระบอก
เป็นรองเรือฟริเกตชั้นอื่นของไต้หวันที่ติดตั้ง SM-1 กับ Phalanx
1 กระบอก และห่างไกลเรือพิฆาตที่ติดตั้ง SM-2
กับ Phalanx อีก 2 กระบอกถึงสองเสาไฟ
La Fayette ไต้หวันมีความจำเป็นต้องรับบทพระรอง
จนกว่าการปรับปรุงครึ่งอายุการใช้งานจะแล้วเสร็จทุกลำภายในปี 2028
คำถาม:
วัตถุประสงค์การซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันของจีนคืออะไร?
ว่ากันตามจริง...ขนาดนายพลเรือจีนไม่รู้คำตอบเช่นกัน
เพราะเป็นแผนการเร่งด่วนส่งตรงมาจากกรุงปักกิ่ง
ว่ากันว่าเป็นเพียงการแก้เกมไม่ให้ตัวเองดูแย่เกินไป
จากกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรอเมริกาเดินทางมาเยือนไต้หวัน
รวมทั้งต้องการสร้างความฮึกเหิมให้กับทุกคนในชาติ
โดยการแสดงให้เห็นว่ากองทัพเรือจีนสามารถบดขยี้ไต้หวันเมื่อไรก็ได้
ที่สำคัญที่สุดก็คือ...กองทัพเรือจีนทำสำเร็จแล้ว
ชนะโดยไม่มีความสูญเสีย!
ภาพใบนี้คือชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนือไต้หวัน
คนจีนในโลกโซเชียลมีเดียทุกรายล้วนมีภาพใบนี้อยู่ในไอโฟน
ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวน้อยน่ารักที่ปรกติลงรูปตัวเองไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ สาวๆ
พากันรีทวิตภาพใบนี้ด้วยความภาคภูมิใจ ผู้เขียนถึงได้บอกกับทุกคนว่ากองทัพเรือจีนทำสำเร็จแล้ว
ว่าแต่ภาพนี้คืออะไรอย่างนั้นหรือ?
ข้อมูลจากจีนนี่คือภาพถ่ายจากเรือคอร์เวตชั้น
Type
056 จับภาพเรือฟริเกตชั้น KNOX ของไต้หวันลอยลำไม่ไกลจากชายฝั่ง
โดยมีทหารจีนส่องกล้องทางไกลใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ประหนึ่งว่าเรือลำนี้กำลังลอยลำอยู่ในน่านน้ำตัวเอง
ชาวจีนบางรายคำนวณจากโปรแกรมแผนที่ดาวเทียมก่อนลงข้อมูลว่า
เรือรบจีนอยู่ห่างจากเกาะไต้หวันแค่เพียง 11.78
กิโลเมตร! ชาวจีนบางรายใช้ดินสอกับกระดาษขาวอีกครึ่งแผ่น
คำนวณด้วยสายตากับสูตรคณิตศาสตร์ก่อนลงข้อมูลว่า
เรือจีนอยู่ห่างจากเกาะไต้หวันไม่ถึง 9 กิโลเมตร!!!
ด่านทะเลอาณาเขตถูกตีแตกยับเยิน
กองทัพเรือจีนสามารถบดขยี้ไต้หวันเมื่อไรก็ได้
ใช่แล้วครับ...ถูกต้องนะครับนี่คือสงคราม
Propaganda
ประจำปี 2022
ทีนี้เรามาฟังข้อมูลจากฝั่งไต้หวันบ้าง
มีคนแย้งว่า 'ภาพประกาศชัยชนะ' ใบนี้ถูกตกแต่งโดยโปรแกรมโฟโต้ช็อป โปรดสังเกตเสาประภาคารบนเกาะเล็กๆ ชื่อ
Penghu เกาะนี้อยู่ห่างภูเขา Yushan บนเกาะไต้หวันทิศตะวันตกประมาณ
40 กิโลเมตร
เท่ากับว่าเรือจีนหาได้ล่วงล้ำเข้าสู่พื้นที่หวงห้าม
ด่านทะเลอาณาเขตถูกตีแตกหรือไม่ผู้เขียนไม่ทราบ
ข้อมูลจากภาพถ่ายใบเดียวไม่เพียงพอในการตัดสินคดี แต่เรือคอร์เวต Type
056 คือหอกข้างแคร่ตัวจริงเสียงจริง
จีนมีเรือชั้นนี้หลายสิบลำสภาพใหม่กิ๊กอายุใช้งานแค่ไม่กี่ปี
ทยอยส่งเรือเข้ามาตีด่านทุกวันไต้หวันเลือดเข้าตาแน่นอน
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม...ไต้หวันมีแผนรับมืออยู่ก่อนแล้ว
Light Frigate Program
แผนรับมือเรือคอร์เวตชั้น
Type
056 ของไต้หวันใช้ชื่อว่า 'Light Frigate Program' ตามแผนการพวกเขาจะสร้างเรือรบติดอาวุธ 3
มิติขนาดใกล้เคียงเรือคอร์เวตจีน
เพื่อเป็นจ่าฝูงกองเรือตรวจการณ์หน่วยยามฝั่งตัวเอง ทำหน้าที่ปะฉะดะ Type
056 ได้อย่างถึงพริกถึงขิง รวมทั้งเข้าประจำการด่านทะเลอาณาเขตทดแทนเรือฟริเกตชั้น
Knox รุ่นเก่า
Light Frigate
Program ถูกบรรจุอยู่ในแผนการจัดหาของรัฐบาล พร้อมโครงการเรือดำน้ำ
เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ เรือคอร์เวตอาวุธนำวิถี เรือฟริเกตรุ่นใหม่
และเรือพิฆาตระบบเอจิส เพียงแต่ลำดับความสำคัญไม่เร่งรีบเท่าไร
งบประมาณกองทัพเรือในแต่ละปีก็เลยไม่มีชื่อโครงการนี้
ชมรายละเอียดเรือตามภาพประกอบด้านบน Light
Frigate มีระวางขับน้ำปรกติ 1,400 ตัน ยาว 85 เมตร กว้าง 3.1 เมตร กินน้ำลึก 3.1 เมตรไม่รวมโดมโซนาร์ ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2 ตัว
ความเร็วสูงสุด 30 นอต ระยะปฏิบัติการไกลสุด 5,000
ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 15 นอต
Light Frigate
ไต้หวันมีขนาดใกล้เคียงเรือคอร์เวต Type 056
จีน ฉะนั้นเมื่อเรือประจำการสมควรเรียกว่าเรือคอร์เวต่นกัน ออกแบบง่ายๆ
เพื่อให้ราคาสร้างเรือประหยัดที่สุด ระบบอาวุธป้องกันตัวประกอบไปด้วย ปืนใหญ่ 76/62 มม.ป้อมปืนไต้หวัน 1 กระบอกที่หัวเรือ
กลางเรือมีแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ Hsing Feng II จำนวน 8 นัด อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน Tien
Chien II จำนวน 16 นัด
ข้างปล่องระบายความร้อนเป็นจุดปล่อยเรือเล็กแบบปิดเต็มพื้นที่
หลังคาติดตั้งแท่นยิงระบบเป้าลวงขนาด 130
มม. ถัดไปทางด้านหลังติดตั้งอาวุธชุดใหญ่เพื่อป้องกันตัว มีระบบป้องกันตนเองระยะประชิด Sea Oryx รุ่น 12 ท่อยิงอยู่ตรงกลาง ขนาบสองกราบเรือด้วยปืนกลอัตโนมัติ XTR-101 RWS
ขนาด 20 มม.
ที่อยู่ด้านล่างคือท่อยิงตอร์ปิโดเบาปราบเรือดำน้ำแฝดสาม
ทำงานร่วมกับโซนาร์ลากท้าย Towed Array Sonar ไม่ทราบรุ่น
หรืออาจเป็นรุ่น MODEL 980 ALOFTS ที่เคยซื้อมาใช้งานบนเรือคอร์เวตต้นแบบก็เป็นไปได้
ท้ายเรือมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาด 7 ตัน กับโรงเก็บอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กจำนวน
1 ลำ ซึ่งอาจใช้งานภารกิจเสริมปราบทุ่นระเบิดได้ต่างหาก
เรือลำนี้ใช้ระบบอำนวยการรบ
Xunlian
Project ไต้หวันพัฒนาขึ้นมาเอง ติดตั้งเรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติหน้าตาเหมือน Thales Smart-S Mk2
ไต้หวันอาจซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตเองเหมือนกับทูร์เคีย
พวกเขาต้องการติดตั้งบนเรือฟริเกตชั้น Kang Ding ปรับปรุงครึ่งอายุการใช้งานด้วยอีก
6 ลำ ส่วนเรดาร์ควบคุมการยิงน่าจะมาจาก Thales เจ้าประจำเช่นเดียวกัน
Light Frigate
ถือกำเนิดตั้งแต่ Type 056
เพิ่งสร้างได้เพียงครึ่งหนึ่ง ปัจจุบัน Type 056 ปิดโครงการไปแล้วแต่
Light Frigate ยังไปไม่ถึงไหนเสียที
กองทัพเรือไต้หวันมีงบประมาณจำกัดจำเขี่ย
นอกจากโครงการเร่งด่วนต้องทำให้เสร็จเพื่อเร่งเข้าประจำการ
ยังต้องเสียเงินก้อนโตในการบำรุงซ่อมแซมเรือพิฆาตกับเรือฟริเกตจากอเมริกา
เรือรบติดลูกยาวเหล่านี้อายุมากกว่า 30 ปีทุกลำ
ใส่เครื่องยนต์ตัวแรงเหมาะสมกับการวิ่งทางไกลข้ามโลกแข่งกัน
แต่ติดเครื่องยนต์ทีไรงบประมาณหล่นหายไปแล้วหลักแสน
นำงบประมาณมาจ่ายค่าเชื้อเพลิงกับค่าซ่อมบำรุงวนเวียนแบบนี้ทุกปี
โครงการ Light
Frigate ที่สำคัญน้อยกว่าจึงถูกดองเค็มทุกปี ทว่าวันนี้กองทัพเรือและรัฐบาลเล็งเห็นแล้วว่า
หอกข้างแคร่ตัวเองจะถูกจัดการอย่างเหมาะสมวิธีไหน ฉะนั้นในปีงบประมาณ 2023 ที่กำลังจะถึงในอีก 2 เดือน Light Frigate
Program อาจได้รับการบรรจุเข้าเป็นวาระเร่งด่วนของชาติ
ติ๊งต่างว่าไต้หวันสร้างเรือพร้อมประจำการภายใน
3 ปีกับอีกนิดหน่อย Light Frigate ลำแรกจะได้ปะฉะดะ Type
056 ประมาณต้นปี 2026
ฉะนั้นแล้วเรือฟริเกตชั้น Knox คุณป้ามหาภัย ยังคงต้องลากสังขารออกมาต้อนรับหลานๆ
เจอเนอเรชันบูมเมอร์แรงไปอีก 4-6 ปี
ความเห็นส่วนตัว:
ไต้หวันต้องเร่งเข็น Light Frigate ลำแรกให้แล้วเสร็จ
ไม่จำเป็นต้องติดอาวุธครบถ้วนตามแผนการก็ได้ หากเงินไม่พอตัดระบบปราบเรือดำน้ำทิ้งไปก่อน
แค่นี้ก็ล้นลำจนหาทางเดินไปท้ายเรือไม่ได้แล้ว
+++++++++++++++++++++++
อ้างอิงจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น