โครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์แบบที่
20/ก
เครื่องบินขับไล่แบบที่
20/ก หรือ JAS 39 Gripen C/D เข้าประจำการกองทัพไทยเฟสแรกจำนวน
6 ลำในวันที่ วันที่ 7 กรกฎาคม 2554 เท่ากับว่าตอนนี้มีอายุการใช้งาน 11
ปีเต็มเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผู้เขียนเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยในใจว่า
มีปัญหาสำคัญเกิดขึ้นกับเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์รุ่นใหม่ทันสมัยหรือไม่
เนื่องจากนี่คือครั้งแรกที่กองทัพอากาศไทยจัดหาเครื่องบินจากสวีเดนมาใช้งาน
เพื่อนบ้านที่อยู่ในย่านอาเซียนเหมือนกันก็ไม่มีชาติไหนเคยใช้มาก่อน
จึงไม่อาจนำปัญหาที่พวกเขาเคยเผชิญมาเป็นตัวช่วยในการดูแลเครื่องบินตัวเอง
เพราะความอยากรู้อยากเห็นผู้เขียนดิ้นรนขวนขวายด้วยตัวเอง
โดยการค้นหาข้อมูลจากสมุดปกขาวกองทัพอากาศ พ.ศ.2563 หรือ RTAF
White Paper 2020 กระทั่งพบเจอบางอย่างที่น่าสนใจจนตัวเองต้องเขียนบทความ
สิ่งนั้นก็คือโครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์
บ.ข. ๒๐/ก อันหนึ่งในหกโครงการสำคัญประจำปีงบประมาณ 2564
เมื่อเจอบางอย่างที่น่าสนใจแล้ว
คำถามถัดไปก็คือ…โครงที่ว่านี้คืออะไร?
ผู้เขียนเข้าไปค้นหาโครงการนี้จากเอกสารออนไลน์กองทัพอากาศ ได้รับคำอธิบายตามภาพประกอบ
โครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์
บ.ข. ๒๐/ก (บ.Gripen 39 C/D) ระยะที่
๑
๙.หลักการและเหตุผล
๙.๑ กล่าวทั่วไป
กองทัพอากาศได้จัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์
บ.ข. ๒๐/ก (บ.Gripen 39 C/D) ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีความทันสมัยและมีศักยภาพในการปฏิบัติทางอากาศสูง
ซึ่งจะสอดคล้องกับการเตรียมและใช้กำลังทางอากาศ
โดยดำรงไว้ซึ่งขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ และรักษาผลประโยชน์ของชาติ
เนื่องจากเครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินที่มีเทคโนโลยีสูง
และมีความสลับซับซ้อนด้านการส่งกำลังบำรุงประกอบกับที่ผ่านมากองทัพอากาศประสบปัญหาด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากข้อจำกัดหลายประการ เช่น การใช้ระยะเวลายาวนานในการซ่อมบำรุง
เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นพัสดุที่ต้องส่งซ่อมในต่างประเทศ ต้องผ่านขบวนการต่างๆ
หลายขั้นตอนกว่าจะได้พัสดุกลับมาใช้งานได้อีก
การจัดหาอุปกรณ์ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงยาก
เนื่องจากมีผู้ผลิตน้อยรายและบางชนิดยกเลิกสายการผลิตแล้ว
รวมทั้งปัญหาข้อจำกัดทางด้านงบประมาณในด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานที่ได้รับการจัดสรรประจำปีน้อยกว่าความต้องการใช้งานจริง
ข้อจำกัดต่างๆ
เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในการส่งกำลังและซ่อมบำรุงอากาศยานของกองทัพอากาศ
ดังนั้นกองทัพอากาศจึงได้วางแผนการส่งกำลังบำรุง เพื่อใช้ซ่อมบำรุง บ.Gripen
39 C/D ในลักษณะการซ่อมบำรุงแบบรวมการ (Pool
Services) ซึ่งเป็นลักษณะของการส่งกำลังบำรุง
โดยการสนับสนุนเครื่องยนต์
อุปกรณ์และอะไหล่ที่สามารถถอดสับเปลี่ยนได้ในระดับฝูงบิน
ซึ่งดำเนินการในลักษณะแบบรวมกลุ่มสมาชิกใช้เครื่องยนต์อุปกรณ์และอะไหล่ร่วม
โดยสมาชิกสามารถส่งเครื่องยนต์
อุปกรณ์และอะไหล่ที่สามารถถอดสับเปลี่ยนหมุนเวียนได้ในระดับฝูงบิน (Line
Replaceable Unit : LRU) ไปซ่อม หรือเปลี่ยนเครื่องยนต์
อุปกรณ์และอะไหล่ใหม่มาทดแทน และมีการดำเนินการสำรองเครื่องยนต์
อุปกรณ์และอะไหล่ที่สามารถถอดสับเปลี่ยนหมุนเวียนได้ในระดับฝูงบินไว้สำหรับการซ่อมบำรุงให้กับสมาชิกภายในกลุ่ม
รวมทั้งสนับสนุนชิ้นอะไหล่
พัสดุสิ้นเปลืองคู่มือเอกสารเทคนิคและการบริการทางด้านเทคนิค
การบริการธุรการทางด้านการบิน การฝึกอบรม
จนท.ช่างให้มีขีดความสามารถในการซ่อมบำรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานกำหนด
และบริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบินของ บ.Gripen 39
C/D ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้การซ่อมบำรุงเกิดความแน่นอน
รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ทำให้กองทัพอากาศมีความพร้อมปฏิบัติการของ บ.Gripen 39 C/D ที่จะสามารถตอบสนองภารกิจในการเตรียมและใช้กำลังทางอากาศได้อย่างเต็มขีดความสามารถ
ข้อมูลจากกองทัพอากาศเปิดเผยปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินรุ่นใหม่ประกอบไปด้วย
-หนึ่ง:
ใช้ระยะเวลายาวนานในการซ่อมบำรุงเพราะส่งไปซ่อมต่างประเทศ
-สอง:
จัดหาอุปกรณ์ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงยากเพราะผู้ผลิตน้อยรายและบางชนิดไม่ผลิตแล้ว
-สาม:
ปัญหาข้อจำกัดทางด้านงบประมาณในด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน
การซ่อมบำรุงแบบรวมการ
(Pool
Services) จึงเป็นทางออกในการแก้ปัญหาให้ดีกว่าเดิม
ผู้เขียนอ่านแล้วเข้าใจได้ว่ากองทัพอากาศไทยจะเข้าร่วมกับสมาชิกชาติอื่น
เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อมบำรุงให้เป็นไปตามมาตรฐาน
สมาชิกที่เข้าร่วมย่อมมีกองทัพอากาศสวีเดนเป็นตัวยืนอย่างแน่นอน
ข้อมูลจากต่างประเทศระบุไว้ว่า
โดยปรกติแล้วการซ่อมบำรุง JAS 39 Gripen C/D กองทัพอากาศไทยมีการเซ็นสัญญาระยะยาวหลายปีกับบริษัท SAAB ในราคาคงที่ตามชั่วโมงบินโดยใช้เจ้าหน้าที่จากกองทัพอากาศกับ TAI แตกต่างจากช่วงเริ่มเข้าประจำการที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่จากสวีเดนจำนวน 10
ลำ แต่ถึงกระนั้นยังมีเจ้าหน้าที่จากสวีเดนจำนวนหนึ่งประจำอยู่ที่กองบิน 7
เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือเรื่องการส่งกำลังบำรุงรวมทั้งช่วยวางแผนการต่างๆ
หมายเหตุ:
นี่คือข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างประเทศแห่งหนึ่ง
ฉะนั้นแล้วอาจมีบางอย่างคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง
การซ่อมบำรุงเครื่องบินทุกขั้นตอนต้องทำภายในโรงเก็บ
เนื่องจากสนามบินอยู่ใกล้ทะเลความชื้นค่อนข้างสูง
คลังอะไหล่ถูกจัดเก็บอยู่ภายในกองบิน 7
การขนส่งอะไหล่ใช้เครื่องบินพลเรือนยกเว้นอะไหล่สำคัญกับอาวุธใช้เครื่องบินทหาร
ว่ากันตามจริงค่อนข้างมีความรัดกุมและเป็นแบบแผนชัดเจน แต่ถึงกระนั้นในปัจจุบันได้กลายเป็นปัญหาให้กองทัพอากาศปวดหัว
จนต้องตั้งโครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงให้ดีกว่าเดิม
โครงการนี้มีความสำคัญกับกองทัพอากาศพอสมควร
มีการจัดตั้งโครงการในปี 2563 และเริ่มต้นดำเนินการในปีงบประมาณ 2564
เริ่มต้นด้วยการเดินหน้า ‘โครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์
บ.ข. ๒๐/ก (บ.Gripen 39 C/D) ระยะที่
๑ (ช่วงที่ ๒.๑)’ หรือการปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์
แบบที่ 20/ก ให้เป็นเวอร์ชัน 20 (MS 20) รุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนกองทัพอากาศสวีเดน
เป็นเพียงการปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์เครื่องบินให้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้น
การซ่อมบำรุงแบบรวมการ (Pool Services) น่าจะตามมาหลังจากโครงการระยะที่
๑ ช่วงที่ ๒.๑ สำเร็จเรียบร้อย
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนมีนาคม
2563 กองทัพอากาศขึ้นโครงการ ‘จ้างเหมาบริการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงสำหรับ
บ.Gripen 39 C/D จำนวน ๑๑ เครื่อง
และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยวิธีเฉพาะเจาะจง วงเงินราคากลาง ๓,๒๗๔,๑๐๓,๗๐๐ บาท’ โครงการนี้คือการเซ็นสัญญาซ่อมบำรุงกับบริษัท SAAB ตามปรกติ
ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการตามบทความแต่อย่างใด
โครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์
บ.ข. ๒๐/ก ยังไม่ทันเป็นรูปเป็นร่าง
เกิดเรื่องดราม่าสไตล์ไทยแลนด์โอนลี่ขึ้นมาเสียก่อน
เมื่อสื่อมวลชนรายหนึ่งเปิดเผยข้อมูลการจัดหาอาวุธที่ไม่ปรกติเท่าไร
ระหว่างเดือนเมษายน
2563
คณะอนุกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต
ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมบัญชีกลาง
เพื่อขอหารือการใช้อำนาจในการยกเว้นผ่อนผันของคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต
กรณีได้รับหนังสือจากกองทัพอากาศและกองทัพบก
ขอยกเว้นผ่อนผันไม่ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการ ค.ป.ท.
เรื่องแนวทางและวิธีการในการดำเนินงานโครงการร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบของข้อตกลงคุณธรรมที่กำหนดไว้ว่า
เมื่อหน่วยงานของรัฐ
ได้รับความเห็นชอบวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้มีอำนาจในการพิจารณางบประมาณแล้ว
ให้แจ้งข้อมูลโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปต่อคณะกรรมการ
ค.ป.ท.ภายใน 15 วันทำการ
นับตั้งแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบวงเงินงบประมาณ
เพื่อพิจารณาคัดเลือกให้จัดทำข้อตกลงคุณธรรม
การแจ้งข้อมูลดังกล่าวให้จัดทำตามแบบและวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนด
ซึ่งในการดำเนินโครงการจัดทำข้อตกลงคุณธรรมจะให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการให้ผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมสังเกตการณ์ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตลอดระยะเวลาและทุกขั้นตอน
ซึ่งปัจจุบัน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) เป็นผู้ส่งผู้สังเกตการณ์ภาคเอกชนเข้าไปสังเกตการณ์
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการ
ค.ป.ท. ได้มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมเพื่อพิจารณา
โดยฝ่ายเลขานุการ มีความเห็นว่า สืบเนื่องจากเรื่องนี้กองทัพมีความจำเป็นและมีเหตุผล
ไม่สามารถดำเนินการจัดให้มีการจัดทำข้อตกลงคุณธรรมตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างได้
เพราะมีกฎหมายหรือสัญญากับเอกชนกำหนดไว้ว่าไม่ให้เปิดเผยข้อมูลความลับแก่บุคคลที่
3 พร้อมกับเสนอเรื่องไม่คัดเลือกโครงการจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์ทั้ง
4 โครงการ ของกองทัพอากาศและกองทัพบกเข้าร่วมการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม
โครงการจัดหายุทโธปกรณ์
ของ กองทัพอากาศ และกองทัพบก
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จำนวน 4 โครงการใหญ่มูลค่าหลายพันล้านบาท ที่ไม่ต้องการเข้าร่วมการจัดทำข้อตกลงคุณธรรมประกอบไปด้วย
1.
โครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์เครื่องบินขับไล่แบบที่
20/ก (เครื่องบิน Gripen 39 C/D) ระยะที่ 1 (ช่วง 2) ของ กองทัพอากาศ
2.
โครงการจัดหาเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้น (ระยะที่ 4) ของ กองทัพอากาศ
3.
โครงการจัดหาเครื่องบินฝึกทดแทนเครื่องบินแบบที่ 19 ของ กองทัพอากาศ
4.
โครงการจัดหาเครื่องบินใช้งานทั่วไป ของกองทัพบก
โครงการเครื่องบิน
Gripen 39 C/D ไม่เข้าร่วมการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม หรือ ACT ดราม่าเรื่องนี้สิ้นสุดเช่นไรคงไม่สำคัญอีกต่อไป
เพราะกองทัพอากาศเริ่มต้นเดินหน้าทำตามแผนการไปตามปรกติ มีความเคลื่อนไหวต่างๆ
เกิดขึ้นหลังจากนั้นประกอบไปด้วย
-วันที่ 20
พฤษภาคม 2565
สำนักงานบริหารโครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์
บ.ข.20/ก (Gripen 39 C/D) ระยะที่
1 (Gripen Logistics Improvement Program (GLIP)) ได้จัดประชุมด้านเทคนิค
(Technical Conference :TC) ของ บ.ข.20/ก (Gripen 39 C/D) ร่วมกับ จนท.สวีเดน และหน่วยเกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม กบ.ทอ.โดยมี น.อ.สันติ แก้วสนธิ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน
กรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศเป็นประธานในการประชุม
-วันที่ 26
พฤษภาคม 2565
กองบิน 7 ให้การต้อนรับประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุและคณะ พลอากาศโท ภูวเดช สว่างแสง
ประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และคณะ เดินทางมาประชุมและติดตามผลในโครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์แบบที่
20/ก (Gripen39 C/D) ระยะที่ 1 (ช่วงที่ 2.1)
โดยปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ แบบที่ 20/ก (Gripen39 C/D) เป็นเวอร์ชัน 20 (MS 20)
โอกาสนี้
นาวาอากาศเอก พุทธพงศ์ ผลชีวิน
ผู้บังคับการกองบิน 7 มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก กฤษณะ สุขดี รองผู้บังคับการกองบิน 7 และเสนาธิการกองบิน 7 ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 7 และรับฟังบรรยายสรุป ณ อาคารกองบังคับการ ฝูงบิน 701 กองบิน 7
-วันที่ 9 มิถุนายน
2565
สื่อมวลชนต่างประเทศรายงานว่ากองทัพอากาศไทย
เริ่มต้นเดินหน้าปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ แบบที่ 20/ก (Gripen39 C/D) ให้เป็นเวอร์ชัน 20 หรือการปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์
บนเครื่องบินให้เป็นเวอร์ชัน MS 20 นั่นเอง โดยใช้งบประมาณ 18.28
ล้านเหรียญหรือ 631,730,000 บาท
มากกว่าวงเงินราคากลางโครการระยะที่ 1 ที่ถูกเปิดเผยในวันที่
13 มกราคม 2564 ไม่กี่ล้าน
(ราคากลางเท่ากับ 629,224,200 บาท)
การปรับปรุงน่าจะแล้วเสร็จครบทุกลำภายในปี 2025
การปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์บนเครื่องบิน
11
ลำใช้เวลา 3 ปีผู้เขียนไม่ทราบว่านานหรือไม่
เกี่ยวข้องกับการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินผู้เขียนไม่ทราบเช่นกัน
เหตุผลที่ไม่เข้าร่วมการจัดทำข้อตกลงคุณธรรมผู้เขียนยิ่งไม่ทราบไปกันใหญ่
ทว่าโครงการนี้เดินหน้าเต็มตัวแล้วผู้เขียนขอให้สำเร็จลุล่วงแคล้วคลาดจากปัญหาทั้งปวง
โครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินจะมีปัญหาหรือไม่?
ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าถ้าไม่ถูกตัดงบประมาณก็คงไม่มีปัญหา
เนื่องจากกองทัพอากาศทำทุกอย่างตามคำแนะนำบริษัทผู้ผลิต ไม่ใช่อยู่ดีๆ
จัดตั้งกลุ่มสมาชิกเพื่อการซ่อมบำรุงแบบรวมการ (Pool Services) ขึ้นมาเองเสียหน่อย
ปัญหาสำคัญที่อาจเกิดขึ้นกับ
Gripen39
C/D ต้องนับไปอีก 10 -15 ปีครับ
สมาชิกที่มี Gripen39
C/D ประจำการและไม่มีปัญหาประกอบไปด้วย สวีเดน 158 ลำ ไทยแลนด์ 11 ลำ และฮังการี 14 ลำ ส่วนสาธารณรัฐเชกเช่าไปใช้งาน 14 ลำก็จริง
ทว่าเมื่อสิ้นสุดสัญญาพวกเขาจะเปลี่ยนไปซื้อ F-35A จากอเมริกา
ส่วนแอฟริกาใต้มีเครื่องบิน 26 ลำสภาพค่อนข้างใหม่
โชคร้ายประสบปัญหางบประมาณต้องจอดทิ้งไว้เฉยๆ หลายปีแล้ว
ส่วนอังกฤษมีเครื่องบินแค่เพียงลำเดียวผู้เขียนขอข้ามไปเลยแล้วกัน
เท่ากับว่ากลุ่มสมาชิกเพื่อการซ่อมบำรุงแบบรวมการมีแค่สวีเดน
ไทยแลนด์ และฮังการี นับจากนี้ไปอีก 10
ปีเมื่อฮังการีหมดสัญญาเช่าซื้อจะเหลือเพียง 2 ชาติ นับเพิ่มไปอีก 5 ปีสวีเดนทยอยปลดประจำการ Gripen39
C/D ของตัวเองไปเรื่อยๆ
ฉะนั้น Gripen39 C/D ของไทยซึ่งมีอายุ 25 ปีจะมีปัญหาใหญ่เรื่องการส่งกำลังบำรุงเครื่องบิน
อันที่จริงเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญตั้งแต่ก่อนซื้อเครื่องบินแล้ว
เพียงแต่กองทัพอากาศอาจไม่คาดคิดว่า Gripen39 C/D จะขายไม่ออกเลย เครื่องบินที่บราซิลจัดหาไปใช้งาน 36 ลำก็เป็นรุ่นใหม่ขนาดใหญ่กว่าใช้อะไหล่ต่างกัน ปัญหาเรื่องการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินเลยพลอยใหญ่โตกว่าเดิมไปด้วย
ปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับเครื่องบิน
F-35A
หรือไม่? เรามาไล่ตรวจสอบทีละประเด็นไปพร้อมๆ
กัน
-หนึ่ง:
ใช้ระยะเวลายาวนานในการซ่อมบำรุงเพราะส่งไปซ่อมต่างประเทศ
ปรกติเครื่องบินรบอเมริกาจะซ่อมบำรุงในประเทศลูกค้าเลย
เพราะตัวเองมีลูกค้าทั่วโลกจะให้มาต่อคิวในอเมริกาที่เดียวคงไม่ไหว
เพียงแต่ผู้รับผิดชอบโครงการอาจเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน
หรือบริษัทคู่ค้าที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทผู้ผลิต
เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องระยะเวลาจึงมีค่อนข้างน้อย
-สอง:
จัดหาอุปกรณ์ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงยากเพราะผู้ผลิตน้อยรายและบางชนิดไม่ผลิตแล้ว
ปัจจุบันเครื่องบินตระกูล
F-35
กำลังขายดีขึ้นหิ้ง ยอดขายเพียง 1 ปีแซงหน้ายอดขาย
Gripen39 C/D ทุกลำบนโลกไปแล้ว เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องจัดหาอุปกรณ์ชิ้นส่วนอะไหล่จึงมีค่อนข้างน้อย
-สาม:
ปัญหาข้อจำกัดทางด้านงบประมาณในด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน
เรื่องนี้แหละที่กองทัพอากาศต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อันเป็นที่มาของการลดจำนวนเครื่องบินให้น้อยลงกว่าเดิม
บังเอิญตอนนี้ยังไม่มีเครื่องบิน F-35A
เพราะฉะนั้นผู้เขียนขอข้ามไปก่อน
เมื่อโครงการพัฒนาขีดความสามารถการส่งกำลังบำรุงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์
บ.ข. ๒๐/ก เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามแผนการ ถึงตอนนั้นต้องมาตรวจสอบกันอีกครั้งว่า
ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นได้รับการแก้ไขมากน้อยแค่ไหน
แก้ไขปัญหาได้ถูกต้องชัดเจนหรือไม่ รวมทั้งในอนาคต 10-15 ปีข้างหน้ากองทัพอากาศวางแผนรับมือรัดกุมแค่ไหน
+++++++++++++++++++++
อ้างอิงจาก
https://ocg.rtarf.mi.th/e-book/project/mobile/index.html#p=14
https://web.facebook.com/wing7RTAF
https://www.flightglobal.com/analysis/analysis-how-gripen-became-prize-thai-fighter/130853.article
https://web.facebook.com/wing7RTAF/posts/5171222802966052
http://www.dae.rtaf.mi.th/index.php/2017-02-01-02-07-02/2017-02-01-02-08-41/1116-gripen-39-c-d
http://119.46.201.14/index.php/left-egp?start=330
http://dae.rtaf.mi.th/index.php/left-egp?start=135
https://logist.rtaf.mi.th/index.php/page-main/2-uncategorised/344-2022-05-20-02-59-17
https://thaidefense-news.blogspot.com/2018/07/royal-thai-air-force-gripen-39-cd-weapon.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น