บทความนี้ได้รวบรวมข่าวสารและข้อมูลเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น
Slava
หรือเดอะแบกรัสเซีย
ตั้งแต่เรือลำนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่ในเมืองไทย
จนกระทั่งเรือจมลงสู่ทะเลดำเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญกองทัพเรือรัสเซีย ผู้เขียนจึงได้รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เขียนถึงในเว็บเพจ
มาลงเป็นบทความยาวให้ได้อ่านกันอย่างจุใจ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเข้าสู่เนื้อหาเดี๋ยวนี้เลย
+++++++++++++++++++++++++++
เมื่อเดอะแบกรัสเซียปะทะเดอะแบกไทย
ระหว่างวันที่
16-20 ตุลาคม 2562 หมู่เรือรัสเซียได้แวะมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการจำนวน
3 ลำ หนึ่งในนั้นก็คือเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava ชื่อ Varyag หมายเลข 011
วันสุดท้ายก่อนเดินทางออกจากน่านน้ำ
หมู่เรือรัสเซียร่วมฝึกซ้อม PASSEX (Passing Exercise) กับเรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือคอร์เวตอาวุธนำวิถีซึ่งเป็นกำลังรบหลักราชนาวีไทยมาอย่างยาวนานสามสิบกว่าปี
ส่งผลให้เกิดภาพถ่ายร่วมกันระหว่างเดอะแบกหมีขาวกับเดอะแบกช้างศึก
ภาพประกอบที่หนึ่งคือภาพประวัติศาสตร์หาไม่ได้อีกแล้ว
ระหว่างปี
1982-1989 รัสเซียเข้าประจำการเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น
Slava จำนวน 3 ลำ ลดลงชนิดฮวบฮาบจากจำนวน
10 ลำตามแผนเดิม ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเกิดปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรง
จนต้องแตกประเทศจากสหภาพโซเวียตเป็นรัสเซียในปัจจุบัน
เรือลำนี้ระวางขับน้ำเต็มที่
11,490 ตัน ยาว 186.4 เมตร กว้าง 20.8 เมตร กินน้ำลึกสุด 8.4 เมตร มีเขี้ยวเล็บแหลมคมไว้ป้องกันตัวประกอบไปด้วย
อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ P-1000 Vulkan จำนวน 16
นัด (ที่เห็นคล้ายบ้องข้าวหลามนั่นแหละครับ)
ความเร็วสูงถึง 3 มัค ระยะยิงไกลสุด
800 กิโลเมตร ออกแบบมาเพื่อจัดการกองเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกา โดยมีอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานตระกูล
S-300F ระยะยิงไกลสุด 120 กิโลเมตรจำนวน
64 นัดไว้ปัองกันตัว
เมื่อสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเกิดขึ้น
เรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava ถูกส่งไปปฏิบัติการนอกประเทศทุกลำ
หนึ่งในนั้นกำลังลอยลำอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำหน้าที่ขัดขวางไม่ให้กองเรือนาโต้โดยเฉพาะเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกากับฝรั่งเศส
เข้าใกล้ทะเลดำอันเป็นพื้นที่สำคัญในการบุกยูเครนอย่างเด็ดขาด เรือลำไหนอยากลองของต้องฝ่าลูกยาวความเร็ว
3 มัคให้ได้เสียก่อน
ภาพประกอบที่สองเพื่อนๆ
สมาชิกมองเห็นภาพอย่างชัดเจน ระยะทำการของอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ
P-1000 Vulkan (สีทอง) ครอบคลุมพื้นที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเกือบทั้งหมด
ส่วนอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน S-300F (สีฟ้า) สามารถป้องกันตัวเองได้ดีพอสมควรแม้ไม่ดีที่สุด บนเรือยังมีอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้
ระบบป้องกันตนเองระยะประชิด รวมทั้งจรวดปราบเรือดำน้ำและตอร์ปิโดปราบดำน้ำขนาด
533 มม.ไว้ป้องกันตัวเองจากภัยคุกคาม
จุดอ่อนสำคัญของเรือลาดตระเวนอาวุธวิถีชั้น
Slava ก็คือ ระบบเรดาร์ ระบบโซนาร์ และระบบควบคุมการยิงล้าสมัยกว่าเรือรบฝั่งนาโต้
จุดอ่อนสำคัญที่สุดก็คือมีแค่เพียงลำเดียว เรือรบรัสเซียลำอื่นไม่สามารถใช้งาน
P-1000 Vulkan ได้
แม้กาลเวลาผ่านพ้นไปรวดเร็วสักแค่ไหน
เดอะแบกก็คือเดอะแบกไม่มีเปลี่ยนแปลง
https://twitter.com/CovertS.../status/1504193595934482436...
https://www.facebook.com/535099393194626/posts/2517098984994647/
+++++++++++++++++++++++++++
ใหญ่แค่ไหนก็ไม่รอด
วันที่
9
เมษายน 2022
นี่คือภาพถ่ายเรือ
Moskva หมายเลข 121 ของรัสเซียประจำการอยู่ในทะเลดำ
หนึ่งในสามเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava ผู้เป็นเดอะแบกในปัจจุบัน
ข้อมูลล่าสุด Moskva ถูกลบหมายเลขข้างเรือเป็นที่เรียบร้อย
เท่ากับว่าหาก
Moskva เกิดพลาดท่าเสียที ถูกโจมตีด้วยจรวดหลายลำกล้องหรือฮาร์พูนทิพย์จากยูเครนจนเสียหายหรือจมลง
ยูเครนจะไม่สามารถระบุได้ว่าเรือลำนั้นคือ Moskva เพียงแต่ผบ.กองเรือเฉพาะกิจอาจลืมนึกสักเล็กน้อยว่า ทะเลดำมีเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น
Slava เพียงลำเดียวเท่านั้น
https://twitter.com/GrangerE04117/status/1512540208725905409
+++++++++++++++++++++++++++
ไม่น่าเจิมเลยเรา
ข่าวใหญ่ล่าสุดในทะเลดำประจำวันที่
14
เมษายน 2022 ก็คือ เกิดไฟไหม้บนเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถี
Moskva อันเป็นเรือธงกองเรือรัสเซียในการบุกยูเครน ซึ่งผู้เขียนเพิ่งลงข่าวว่าลบชื่อกับหมายเลขข้างเรือไปหมาดๆ
ความเสียหายรุนแรงเสียจนต้องอพยพทุกคนลงจากเรือเพื่อความปลอดภัย
ทางการยูเครนออกมาให้ข่าวว่าเรือ
Moskva ถูกโจมตีด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ Neptune ซึ่งยูเครนพัฒนาขึ้นมาด้วยตัวเองจำนวน 2 นัด ก่อนหน้านี้ยูเครนเคยอ้างว่าจมเรือฟริเกตรัสเซียไป
1 ลำด้วย Neptune แต่ไม่มีภาพถ่ายและรัสเซียไม่เล่นด้วยผู้เขียนจึงนิ่งเฉย
ทีนี้มาฟังคำอธิบายจากอีกฝ่ายบ้าง
ทางการรัสเซียให้ข้อมูลว่ากระสุนปืนบนเรือ Moskva เกิดการระเบิดและมีไฟไหม้ตามมา
ผู้เขียนพยายามหาข้อมูลมาช่วยเสริมคำกล่าวอ้าง เป็นไปได้ว่ากระสุน 30 มม.ของระบบป้องกันตนเองระยะประชิด AK-360 ซึ่งติดตั้งไว้ 6 ระบบคือต้นเหตุ โดยเฉพาะบริเวณกลางเรือติดคู่กัน
2 ระบบ หากเกิดขึ้นจริงจะสร้างความเสียหายต่อเรือพอสมควร
ส่วนปืนใหญ่
AK-130 ขนาด 130 มม.ลำกล้องแฝดที่อยู่หัวเรือ
โอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าและหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง กระสุนในแมกาซีนกับคลังแสงฝังลึกกลางตัวเรือ
อาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงเกิดระเบิดต่อเนื่องจนเรือจม เหมือนที่เราเคยเห็นกับเรือประจัญบานหลายลำในสงครามโลกครั้งที่ผ่านมา
+++++++++++++++++++++++++++
สามทหารเสือกองทัพเรือรัสเซีย
ผู้เขียนขอนำเสนอข้อมูลบางส่วนของเรือรบที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก
ระหว่างปี
1982-1989 รัสเซียเข้าประจำการเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น
Slava จำนวน 3 ลำ ลดลงชนิดฮวบฮาบจากจำนวน
10 ลำตามแผนเดิม ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเกิดปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรง
จนต้องแตกประเทศจากสหภาพโซเวียตเป็นรัสเซียในปัจจุบัน
เรือมีระวางขับน้ำเต็มที่
11,490 ตัน ยาว 186.4 เมตร กว้าง 20.8 เมตร กินน้ำลึกสุด 8.4 เมตร โดยมีเขี้ยวเล็บไว้ป้องกันตัวประกอบไปด้วย
อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ P-500 Bazalt จำนวน 16 นัด ความเร็วสูงถึง 3 มัค ระยะยิงไกลสุด 550 กิโลเมตร ออกแบบมาเพื่อจัดการกองเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกา กับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานตระกูล
S-300F ระยะยิงไกลสุด 120 กิโลเมตรอีกจำนวน
64 นัด
P-500
Bazalt กับ S-300F ในช่วงปี 1982 นับว่าทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงอันดับต้นๆ
อุปกรณ์ตรวจจับเป้าหมายทางอากาศบนเรือประกอบไปด้วย
เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะกลาง
MR-710 Top Steer บนเสากระโดงหลัก ตรวจจับได้ไกลสุดถึง 150 กิโลเมตร ทำงานเคียงคู่เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล
MR-800 Top Pair ซึ่งถูกออกแบบให้ใช้งานร่วมกับ S-300 ได้อย่างดีเยี่ยม ตรวจจับเครื่องบินขับไล่นาโต้ได้ที่ระยะไกลสุด
200 กิโลเมตร
เรามาเจาะลึกเรือลาดตระเวนทั้ง
3 ลำกันดูสักนิด
เริ่มจากลำแรก
Marshal Ustinov 055 ซึ่งในอดีตใช้ชื่อว่า Admiral Flota
Lobov เรือลำนี้ถูกปรับปรุงครึ่งอายุการใช้งานให้ทันสมัยกว่าเดิม เรดาร์ตรวจการณ์
MR-710 Top Steer เปลี่ยนเป็น MR-750 Top Plate ระยะตรวจจับเพิ่มขึ้นสองเท่า ส่วนเรดาร์ MR-800 Top Pair เปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ชื่อยาวหน่อย Podberyozovik three-dimensional
long-range target acquisition ช่วยเสริมประสิทธิภาพ S-300F ให้น่ากลัวกว่าเดิม
Marshal
Ustinov เคยมีข่าวว่าเปลี่ยนมาใช้งานอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ
P-1000 Vulkan ระยะยิงเพิ่มขึ้นเป็น 800 กิโลเมตรแล้ว
แต่ไม่เคยปรากฏภาพถ่ายชัดเจนผู้เขียนจึงไม่กล้ายืนยัน
เรือลำที่สองคือ
Varyag 011 ในอดีตสมัยโซเวียตใช้ชื่อว่า Chervona Ukraina เรือได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุการใช้งานเช่นกัน อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ
P-1000 Vulkan มากับเรือแน่นอน เรดาร์ตรวจการณ์ MR-710 Top
Steer เปลี่ยนจานใหม่ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงใช้งานเรดาร์
MR-800 Top Pair คู่กับ S-300F เช่นเดิม
Varyag
ถือว่าได้รับการปรับปรุงแบบครึ่งๆ กลางๆ
มาถึงลำสุดท้ายคือนางเอกของเรา
Moskva 121 ซึ่งในอดีตเคยใช้ชื่อ Slava เรือลำนี้สมเป็นเดอะแบกตัวจริงเสียงจริง
เนื่องจากไม่เคยมีการปรับปรุงใดๆ ทั้งสิ้น อาวุธทั้งหมดเหมือนเก่ายกเว้นรุ่นไม่ได้ผลิตแล้วจึงใช้รุ่นใหม่
เรือเคยซ่อมแซมเครื่องยนต์ตัวหนึ่งซึ่งเสียหายหนักเท่านั้น ที่เหลือก็ซ่อมบำรุงทั่วไปแล้วทาสีใหม่เป็นอันเรียบร้อย
เหตุผลที่
Moskva ไม่ได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุการใช้งานง่ายดายมาก เธอเป็นเรือธงกองเรือทะเลดำซึ่งไม่เคยมีอันตรายใดๆ
มากล้ำกราย
https://web.facebook.com/NavyForLifePage/posts/2517098984994647
https://twitter.com/Capt_Navy/status/1515627981632421890
https://twitter.com/GrangerE04117/status/1512540208725905409
+++++++++++++++++++++++++++
หลักฐานปรากฏ
วันที่
18
เมษายน 2022
ในที่สุดภาพเรือ
Moskva ขณะเกิดไฟไหม้ก่อนถูกลากจูงเข้าฝั่งก็ถูกเปิดเผย ใครอยากเชื่อเช่นไรผู้เขียนตามใจเต็มที่ครับผม
แต่ถึงกระนั้นมีสื่อมวลชนนายหนึ่งแสดงความเห็นใกล้เคียงความเห็นผู้เขียนเหลือเกิน
"ต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณแท่นยิงระบบป้องกันตนเองระยะประชิด AK-630 สองแท่นใกล้กันกลางเรือ"
เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งกระสุนในคลังแสงระเบิดเกิดไฟไหม้ควบคุมไม่ได้
หรือถูกน้องจูนยูเครนยิงใส่สองนัดบริเวณกราบซ้ายชนิดตรงเผง
ติดแค่เพียงปัญหาสำคัญก็คือ
ผู้เขียนมองไม่เห็นรูใหญ่บนเรือ มองไม่เห็นจริงๆ สงสัยตาถั่ว
http://www.hisutton.com/Russian-Navy-Moskva-Sinking.html
+++++++++++++++++++++++++++
เดอะภาระแห่งยูเครน
Ukrainian
Cruiser Ukraina
เมื่อยูเครนแยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตที่ล่มสลาย
ประเทศใหม่รับโอนเรือรบจำนวนหนึ่งเป็นของขวัญ อาทิเช่นเรือฟริเกตตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้น
Krivak III เรือดำน้ำโจมตีชั้น Kilo รวมทั้งเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น
Slava ชื่อ Komsomolets
อุปสรรคเล็กๆ
ของเรือรบขนาด 11,490 ตันก็คือ ทำพิธีปล่อยลงน้ำในปี
1990 แล้วก็จริง แต่ติดปัญหาการเงินอย่างหนักจำเป็นต้องยุติการก่อสร้าง
เท่ากับว่ายูเครนได้เรือสร้างเสร็จเพียง 75 เปอร์เซ็นต์มาครอบครอง
มีการเปลี่ยนชื่อเรือเป็น
Ukraina แสดงถึงอัตลักษณ์ใหม่ โลกใหม่ ประเทศใหม่ ความหวังใหม่ กองทัพเรือประเมินว่าต้องใช้เงิน
30 ล้านเหรียญเป็นอย่างต่ำสร้างเรือจนแล้วเสร็จ ทว่าแผนการสำคัญถูกยกเลิกในปี
1996 เพราะเงินไม่มีงานไม่มา
เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นเช่นไร?
ยูเครนซ่อมบำรุงเรือตามปรกติไม่ให้ชำรุดทรุดโทรม
และพยายามหาเงินมาต่อเติมเรือปีล่ะนิดปีล่ะหน่อย รวมทั้งมีการป่าวประกาศขายเรือกับพันธมิตรทั่วโลก
ลูกค้าเงินถุงเงินถังแสดงความสนใจประกอบไปด้วย
-
รัสเซีย แสดงความต้องการหลายครั้ง ครั้งล่าสุดในปี 2012 แต่ดีลล้มเพราะความขัดแย้งในอีก 2 ปีถัดมา
-
จีน พอได้อยู่
-
อินเดีย ตามนั้น
-
อเมริกา อะไรนะ!! จะบ้าเรอะ
-
บราซิล เฮ้ย!! ถามจริง
ราคาเรือสร้างเสร็จ
95 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013 แค่เพียง 40 ล้านเหรียญ ไม่แพงก็จริงแต่ใช้อาวุธรัสเซีย เรดาร์รัสเซีย ใช้ทุกอย่างผลิตจากรัสเซีย
ลูกค้าที่เหมาะสมมากที่สุดย่อมเป็นรัสเซียเพียงชาติเดียว
ปี
2012 รัสเซียอาจต้องการ Ukraina เป็นอะไหล่เดอะแบกตัวเอง
แต่ทว่าในปี 2022 สามทหารเสือลดเหลือเพียง 2 ลำเท่านั้น การเสริมทัพให้กลับมาใช้แผนสามกองหน้าดังเดิม มีเพียง
Ukraina ของยูเครนลำเดียวบนโลกใบนี้ที่เหมาะสม
ชะตากรรมเรือรบที่ยูเครนได้รับโอนค่อนข้างเลวร้าย
เรือฟริเกตตรวจการณ์ใช้ไปเรื่อยๆ ลำไหนไม่ไหวปลด เรือดำน้ำ
Kilo ไม่มีเงินซื้อแบตเตอรี่ใหม่ ต้องส่งคืนรัสเซียเพื่อแลกอะไหล่เรือรบลำอื่น
เรือลาดตระเวนผู้เขียนคิดว่าควรขายออกไปให้ไว้ที่สุด ครั้นพอยูเครนไม่ขายหรือขายไม่ออกจะเป็นภาระเปล่าๆ
แค่จอดนิ่งอยู่ที่ท่าเรือก็มีค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆ
อุปกรณ์ทุกชนิดบนเรือย่อมต้องการพลังงาน
ต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากในการหล่อเลี้ยงไม่ให้ชำรุดเสียหาย ไหนจะค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาด
ค่ารปภ.รักษาความปลอดภัย จอดสักพักสนิมเกาะเพรียงเกาะเสียเงินอีก อุปกรณ์โซเวียตอายุใช้งานสั้นเดี๋ยวเปลี่ยนๆ
เงินทั้งนั้นยังบอกไม่ใช่ภาระอีกหรือ
ผู้เขียนมีตัวเลขไม่ทางการมารายงานให้ทราบ
ปี
2017 ค่าดูแลซ่อมแซมเรือต่อหนึ่งเดือนเท่ากับ 225,000 เหรียญหรือ 7.57 ล้านบาท!
ค่าดูแลซ่อมแซมเรือต่อหนึ่งปีจึงเท่ากับ
2.7 ล้านเหรียญหรือ 90.9 ล้านบาท!
ภาระทั้งนั้นเลย
จากเดอะแบกรัสเซียกลับกลายเป็นเดอะภาระยูเครน
จากเดอะภาระยูเครนกลับกลายเป็นเดอะแบกรัสเซียได้หรือไม่?
ได้สิครับ....ยูเครนขายเรือให้รัสเซียปัญหาจบทันที
ฝั่งนี้ได้สามทหารเสือกลับคืน
นำไปปรับปรุงไม่กี่เดือนกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง Ukraina ใช้เรดาร์ตรวจการณ์ทันสมัยกว่า
Moskva ที่จมทะเลดำไปแล้วด้วยซ้ำ
อีกฝั่งไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อเรือรบ
95 เปอร์เซ็นต์ สร้างเรือรบมาตรฐานนาโต้เติมเต็มฝันดีกว่า อุตสาหกรรมต่อเรือยูเครนในอดีตยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
ได้รับเทคโนโลยีใหม่ๆ จากอังกฤษกับตุรกีเสียหน่อย ขี้คร้านจะสร้างเรือมาหลอกขายชาติอื่นเก็บเงินเข้ากระเป๋า
วิธีการจัดหาเรือ
Ukraina ของรัสเซียมีดังนี้
1.เมื่อสงครามยุติด้วยผลเสมอไว้รอดวลกันนัดใหม่ รัสเซียขอซื้อเรือในราคามิตรภาพเพื่อนพ้องน้องพี่
2.รัสเซียทำสงครามต่อไปจนเอาชนะอย่างเด็ดขาด แล้วเรียกค่าปฏิกรรมสงครามเป็นเรือลำนี้เสียเลย
3.รัสเซียส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษมาขโมยเรือ ใช้เรือตักลากออกไปกลางทะเลมีเรือดำน้ำคุ้มกัน
โดยได้รับความร่วมมือจาก นาตาชา โรมานอฟ สายลับสาวสวย
4.ใช้บริษัทเอกชนจีนเป็นนอมินี ติดต่อยูเครนบอกว่าจะซื้อเรือไปทำโรงแรมนะ ได้เรือมาแล้วก็ขายต่อรัสเซียกินส่วนต่าง
15 เปอร์เซ็นต์
รัสเซียได้เดอะแบก
ยูเครนกำจัดเดอะภาระ สรุปความได้ว่าดีลนี้วินวินด้วยกันทั้งสองฝ่าย
~_^
ปัญหาสำคัญมีเพียงหนึ่งเดียว
ตอนนี้เรือยังสุขสบายดีหรือไม่?
https://dambiev.livejournal.com/458538.html
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Ukrainian_cruiser_Ukraina
+++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น