วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2565

Slava-Class Cruiser News

 

            บทความนี้ได้รวบรวมข่าวสารและข้อมูลเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava หรือเดอะแบกรัสเซีย ตั้งแต่เรือลำนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่ในเมืองไทย จนกระทั่งเรือจมลงสู่ทะเลดำเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญกองทัพเรือรัสเซีย ผู้เขียนจึงได้รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เขียนถึงในเว็บเพจ มาลงเป็นบทความยาวให้ได้อ่านกันอย่างจุใจ

            เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเข้าสู่เนื้อหาเดี๋ยวนี้เลย

+++++++++++++++++++++++++++

เมื่อเดอะแบกรัสเซียปะทะเดอะแบกไทย

ระหว่างวันที่ 16-20 ตุลาคม 2562 หมู่เรือรัสเซียได้แวะมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการจำนวน 3 ลำ หนึ่งในนั้นก็คือเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava ชื่อ Varyag หมายเลข 011

วันสุดท้ายก่อนเดินทางออกจากน่านน้ำ หมู่เรือรัสเซียร่วมฝึกซ้อม PASSEX (Passing Exercise) กับเรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือคอร์เวตอาวุธนำวิถีซึ่งเป็นกำลังรบหลักราชนาวีไทยมาอย่างยาวนานสามสิบกว่าปี ส่งผลให้เกิดภาพถ่ายร่วมกันระหว่างเดอะแบกหมีขาวกับเดอะแบกช้างศึก

ภาพประกอบที่หนึ่งคือภาพประวัติศาสตร์หาไม่ได้อีกแล้ว

ระหว่างปี 1982-1989 รัสเซียเข้าประจำการเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava จำนวน 3 ลำ ลดลงชนิดฮวบฮาบจากจำนวน 10 ลำตามแผนเดิม ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเกิดปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรง จนต้องแตกประเทศจากสหภาพโซเวียตเป็นรัสเซียในปัจจุบัน

เรือลำนี้ระวางขับน้ำเต็มที่ 11,490 ตัน ยาว 186.4 เมตร กว้าง 20.8 เมตร กินน้ำลึกสุด 8.4 เมตร มีเขี้ยวเล็บแหลมคมไว้ป้องกันตัวประกอบไปด้วย อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ P-1000 Vulkan จำนวน 16 นัด (ที่เห็นคล้ายบ้องข้าวหลามนั่นแหละครับ) ความเร็วสูงถึง 3 มัค ระยะยิงไกลสุด 800 กิโลเมตร ออกแบบมาเพื่อจัดการกองเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกา โดยมีอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานตระกูล S-300F ระยะยิงไกลสุด 120 กิโลเมตรจำนวน 64 นัดไว้ปัองกันตัว  

เมื่อสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเกิดขึ้น เรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava ถูกส่งไปปฏิบัติการนอกประเทศทุกลำ หนึ่งในนั้นกำลังลอยลำอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำหน้าที่ขัดขวางไม่ให้กองเรือนาโต้โดยเฉพาะเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกากับฝรั่งเศส เข้าใกล้ทะเลดำอันเป็นพื้นที่สำคัญในการบุกยูเครนอย่างเด็ดขาด เรือลำไหนอยากลองของต้องฝ่าลูกยาวความเร็ว 3 มัคให้ได้เสียก่อน

ภาพประกอบที่สองเพื่อนๆ สมาชิกมองเห็นภาพอย่างชัดเจน ระยะทำการของอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ P-1000 Vulkan (สีทอง) ครอบคลุมพื้นที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเกือบทั้งหมด ส่วนอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน S-300F (สีฟ้า) สามารถป้องกันตัวเองได้ดีพอสมควรแม้ไม่ดีที่สุด บนเรือยังมีอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ ระบบป้องกันตนเองระยะประชิด รวมทั้งจรวดปราบเรือดำน้ำและตอร์ปิโดปราบดำน้ำขนาด 533 มม.ไว้ป้องกันตัวเองจากภัยคุกคาม

จุดอ่อนสำคัญของเรือลาดตระเวนอาวุธวิถีชั้น Slava ก็คือ ระบบเรดาร์ ระบบโซนาร์ และระบบควบคุมการยิงล้าสมัยกว่าเรือรบฝั่งนาโต้ จุดอ่อนสำคัญที่สุดก็คือมีแค่เพียงลำเดียว เรือรบรัสเซียลำอื่นไม่สามารถใช้งาน P-1000 Vulkan ได้

แม้กาลเวลาผ่านพ้นไปรวดเร็วสักแค่ไหน เดอะแบกก็คือเดอะแบกไม่มีเปลี่ยนแปลง

https://twitter.com/CovertS.../status/1504193595934482436...

https://www.facebook.com/535099393194626/posts/2517098984994647/

+++++++++++++++++++++++++++

ใหญ่แค่ไหนก็ไม่รอด

วันที่ 9 เมษายน 2022

นี่คือภาพถ่ายเรือ Moskva หมายเลข 121 ของรัสเซียประจำการอยู่ในทะเลดำ หนึ่งในสามเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava ผู้เป็นเดอะแบกในปัจจุบัน ข้อมูลล่าสุด Moskva ถูกลบหมายเลขข้างเรือเป็นที่เรียบร้อย

เท่ากับว่าหาก Moskva เกิดพลาดท่าเสียที ถูกโจมตีด้วยจรวดหลายลำกล้องหรือฮาร์พูนทิพย์จากยูเครนจนเสียหายหรือจมลง ยูเครนจะไม่สามารถระบุได้ว่าเรือลำนั้นคือ Moskva เพียงแต่ผบ.กองเรือเฉพาะกิจอาจลืมนึกสักเล็กน้อยว่า ทะเลดำมีเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava เพียงลำเดียวเท่านั้น

https://twitter.com/GrangerE04117/status/1512540208725905409

+++++++++++++++++++++++++++

ไม่น่าเจิมเลยเรา

ข่าวใหญ่ล่าสุดในทะเลดำประจำวันที่ 14 เมษายน 2022 ก็คือ เกิดไฟไหม้บนเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถี Moskva อันเป็นเรือธงกองเรือรัสเซียในการบุกยูเครน ซึ่งผู้เขียนเพิ่งลงข่าวว่าลบชื่อกับหมายเลขข้างเรือไปหมาดๆ ความเสียหายรุนแรงเสียจนต้องอพยพทุกคนลงจากเรือเพื่อความปลอดภัย

ทางการยูเครนออกมาให้ข่าวว่าเรือ Moskva ถูกโจมตีด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ Neptune ซึ่งยูเครนพัฒนาขึ้นมาด้วยตัวเองจำนวน 2 นัด ก่อนหน้านี้ยูเครนเคยอ้างว่าจมเรือฟริเกตรัสเซียไป 1 ลำด้วย Neptune แต่ไม่มีภาพถ่ายและรัสเซียไม่เล่นด้วยผู้เขียนจึงนิ่งเฉย

ทีนี้มาฟังคำอธิบายจากอีกฝ่ายบ้าง ทางการรัสเซียให้ข้อมูลว่ากระสุนปืนบนเรือ Moskva เกิดการระเบิดและมีไฟไหม้ตามมา ผู้เขียนพยายามหาข้อมูลมาช่วยเสริมคำกล่าวอ้าง เป็นไปได้ว่ากระสุน 30 มม.ของระบบป้องกันตนเองระยะประชิด AK-360 ซึ่งติดตั้งไว้ 6 ระบบคือต้นเหตุ โดยเฉพาะบริเวณกลางเรือติดคู่กัน 2 ระบบ หากเกิดขึ้นจริงจะสร้างความเสียหายต่อเรือพอสมควร

ส่วนปืนใหญ่ AK-130 ขนาด 130 มม.ลำกล้องแฝดที่อยู่หัวเรือ โอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่าและหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง กระสุนในแมกาซีนกับคลังแสงฝังลึกกลางตัวเรือ อาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงเกิดระเบิดต่อเนื่องจนเรือจม เหมือนที่เราเคยเห็นกับเรือประจัญบานหลายลำในสงครามโลกครั้งที่ผ่านมา

https://www.reuters.com/world/europe/russia-says-flagship-black-sea-fleet-badly-damaged-by-blast-2022-04-14/

+++++++++++++++++++++++++++

สามทหารเสือกองทัพเรือรัสเซีย

ผู้เขียนขอนำเสนอข้อมูลบางส่วนของเรือรบที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก

ระหว่างปี 1982-1989 รัสเซียเข้าประจำการเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava จำนวน 3 ลำ ลดลงชนิดฮวบฮาบจากจำนวน 10 ลำตามแผนเดิม ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเกิดปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรง จนต้องแตกประเทศจากสหภาพโซเวียตเป็นรัสเซียในปัจจุบัน

เรือมีระวางขับน้ำเต็มที่ 11,490 ตัน ยาว 186.4 เมตร กว้าง 20.8 เมตร กินน้ำลึกสุด 8.4 เมตร โดยมีเขี้ยวเล็บไว้ป้องกันตัวประกอบไปด้วย อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ P-500 Bazalt จำนวน 16 นัด ความเร็วสูงถึง 3 มัค ระยะยิงไกลสุด 550 กิโลเมตร ออกแบบมาเพื่อจัดการกองเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกา กับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานตระกูล S-300F ระยะยิงไกลสุด 120 กิโลเมตรอีกจำนวน 64 นัด

P-500 Bazalt กับ S-300F ในช่วงปี 1982 นับว่าทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงอันดับต้นๆ

             อุปกรณ์ตรวจจับเป้าหมายทางอากาศบนเรือประกอบไปด้วย เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะกลาง MR-710 Top Steer บนเสากระโดงหลัก ตรวจจับได้ไกลสุดถึง 150 กิโลเมตร ทำงานเคียงคู่เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล MR-800 Top Pair ซึ่งถูกออกแบบให้ใช้งานร่วมกับ S-300 ได้อย่างดีเยี่ยม ตรวจจับเครื่องบินขับไล่นาโต้ได้ที่ระยะไกลสุด 200 กิโลเมตร

เรามาเจาะลึกเรือลาดตระเวนทั้ง 3 ลำกันดูสักนิด

เริ่มจากลำแรก Marshal Ustinov 055 ซึ่งในอดีตใช้ชื่อว่า Admiral Flota Lobov เรือลำนี้ถูกปรับปรุงครึ่งอายุการใช้งานให้ทันสมัยกว่าเดิม เรดาร์ตรวจการณ์ MR-710 Top Steer เปลี่ยนเป็น MR-750 Top Plate ระยะตรวจจับเพิ่มขึ้นสองเท่า ส่วนเรดาร์ MR-800 Top Pair เปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ชื่อยาวหน่อย Podberyozovik three-dimensional long-range target acquisition  ช่วยเสริมประสิทธิภาพ S-300F ให้น่ากลัวกว่าเดิม

Marshal Ustinov เคยมีข่าวว่าเปลี่ยนมาใช้งานอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ P-1000 Vulkan ระยะยิงเพิ่มขึ้นเป็น 800 กิโลเมตรแล้ว แต่ไม่เคยปรากฏภาพถ่ายชัดเจนผู้เขียนจึงไม่กล้ายืนยัน

เรือลำที่สองคือ Varyag 011 ในอดีตสมัยโซเวียตใช้ชื่อว่า Chervona Ukraina เรือได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุการใช้งานเช่นกัน อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ P-1000 Vulkan มากับเรือแน่นอน เรดาร์ตรวจการณ์ MR-710 Top Steer เปลี่ยนจานใหม่ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงใช้งานเรดาร์ MR-800 Top Pair คู่กับ S-300F เช่นเดิม

Varyag ถือว่าได้รับการปรับปรุงแบบครึ่งๆ กลางๆ

มาถึงลำสุดท้ายคือนางเอกของเรา Moskva 121 ซึ่งในอดีตเคยใช้ชื่อ Slava เรือลำนี้สมเป็นเดอะแบกตัวจริงเสียงจริง เนื่องจากไม่เคยมีการปรับปรุงใดๆ ทั้งสิ้น อาวุธทั้งหมดเหมือนเก่ายกเว้นรุ่นไม่ได้ผลิตแล้วจึงใช้รุ่นใหม่ เรือเคยซ่อมแซมเครื่องยนต์ตัวหนึ่งซึ่งเสียหายหนักเท่านั้น ที่เหลือก็ซ่อมบำรุงทั่วไปแล้วทาสีใหม่เป็นอันเรียบร้อย

เหตุผลที่ Moskva ไม่ได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุการใช้งานง่ายดายมาก เธอเป็นเรือธงกองเรือทะเลดำซึ่งไม่เคยมีอันตรายใดๆ มากล้ำกราย

https://web.facebook.com/NavyForLifePage/posts/2517098984994647

https://twitter.com/Capt_Navy/status/1515627981632421890

https://twitter.com/GrangerE04117/status/1512540208725905409

 

+++++++++++++++++++++++++++

หลักฐานปรากฏ

            วันที่ 18 เมษายน 2022

ในที่สุดภาพเรือ Moskva ขณะเกิดไฟไหม้ก่อนถูกลากจูงเข้าฝั่งก็ถูกเปิดเผย ใครอยากเชื่อเช่นไรผู้เขียนตามใจเต็มที่ครับผม แต่ถึงกระนั้นมีสื่อมวลชนนายหนึ่งแสดงความเห็นใกล้เคียงความเห็นผู้เขียนเหลือเกิน

"ต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณแท่นยิงระบบป้องกันตนเองระยะประชิด AK-630 สองแท่นใกล้กันกลางเรือ"

เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งกระสุนในคลังแสงระเบิดเกิดไฟไหม้ควบคุมไม่ได้ หรือถูกน้องจูนยูเครนยิงใส่สองนัดบริเวณกราบซ้ายชนิดตรงเผง

ติดแค่เพียงปัญหาสำคัญก็คือ ผู้เขียนมองไม่เห็นรูใหญ่บนเรือ มองไม่เห็นจริงๆ สงสัยตาถั่ว




https://twitter.com/Capt_Navy/status/1515830499020877830

http://www.hisutton.com/Russian-Navy-Moskva-Sinking.html

+++++++++++++++++++++++++++

เดอะภาระแห่งยูเครน

Ukrainian Cruiser Ukraina

เมื่อยูเครนแยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตที่ล่มสลาย ประเทศใหม่รับโอนเรือรบจำนวนหนึ่งเป็นของขวัญ อาทิเช่นเรือฟริเกตตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้น Krivak III เรือดำน้ำโจมตีชั้น Kilo รวมทั้งเรือลาดตระเวนอาวุธนำวิถีชั้น Slava ชื่อ Komsomolets

อุปสรรคเล็กๆ ของเรือรบขนาด 11,490 ตันก็คือ ทำพิธีปล่อยลงน้ำในปี 1990 แล้วก็จริง แต่ติดปัญหาการเงินอย่างหนักจำเป็นต้องยุติการก่อสร้าง เท่ากับว่ายูเครนได้เรือสร้างเสร็จเพียง 75 เปอร์เซ็นต์มาครอบครอง

มีการเปลี่ยนชื่อเรือเป็น Ukraina แสดงถึงอัตลักษณ์ใหม่ โลกใหม่ ประเทศใหม่ ความหวังใหม่ กองทัพเรือประเมินว่าต้องใช้เงิน 30 ล้านเหรียญเป็นอย่างต่ำสร้างเรือจนแล้วเสร็จ ทว่าแผนการสำคัญถูกยกเลิกในปี 1996 เพราะเงินไม่มีงานไม่มา

เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นเช่นไร?

ยูเครนซ่อมบำรุงเรือตามปรกติไม่ให้ชำรุดทรุดโทรม และพยายามหาเงินมาต่อเติมเรือปีล่ะนิดปีล่ะหน่อย รวมทั้งมีการป่าวประกาศขายเรือกับพันธมิตรทั่วโลก ลูกค้าเงินถุงเงินถังแสดงความสนใจประกอบไปด้วย

- รัสเซีย แสดงความต้องการหลายครั้ง ครั้งล่าสุดในปี 2012 แต่ดีลล้มเพราะความขัดแย้งในอีก 2 ปีถัดมา

- จีน พอได้อยู่

- อินเดีย ตามนั้น

- อเมริกา อะไรนะ!! จะบ้าเรอะ

- บราซิล  เฮ้ย!! ถามจริง

ราคาเรือสร้างเสร็จ 95 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013 แค่เพียง 40 ล้านเหรียญ ไม่แพงก็จริงแต่ใช้อาวุธรัสเซีย เรดาร์รัสเซีย ใช้ทุกอย่างผลิตจากรัสเซีย ลูกค้าที่เหมาะสมมากที่สุดย่อมเป็นรัสเซียเพียงชาติเดียว

ปี 2012 รัสเซียอาจต้องการ Ukraina เป็นอะไหล่เดอะแบกตัวเอง แต่ทว่าในปี 2022 สามทหารเสือลดเหลือเพียง 2 ลำเท่านั้น การเสริมทัพให้กลับมาใช้แผนสามกองหน้าดังเดิม มีเพียง Ukraina ของยูเครนลำเดียวบนโลกใบนี้ที่เหมาะสม

ชะตากรรมเรือรบที่ยูเครนได้รับโอนค่อนข้างเลวร้าย เรือฟริเกตตรวจการณ์ใช้ไปเรื่อยๆ ลำไหนไม่ไหวปลด เรือดำน้ำ Kilo ไม่มีเงินซื้อแบตเตอรี่ใหม่ ต้องส่งคืนรัสเซียเพื่อแลกอะไหล่เรือรบลำอื่น เรือลาดตระเวนผู้เขียนคิดว่าควรขายออกไปให้ไว้ที่สุด ครั้นพอยูเครนไม่ขายหรือขายไม่ออกจะเป็นภาระเปล่าๆ

แค่จอดนิ่งอยู่ที่ท่าเรือก็มีค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆ

อุปกรณ์ทุกชนิดบนเรือย่อมต้องการพลังงาน ต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากในการหล่อเลี้ยงไม่ให้ชำรุดเสียหาย ไหนจะค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาด ค่ารปภ.รักษาความปลอดภัย จอดสักพักสนิมเกาะเพรียงเกาะเสียเงินอีก อุปกรณ์โซเวียตอายุใช้งานสั้นเดี๋ยวเปลี่ยนๆ เงินทั้งนั้นยังบอกไม่ใช่ภาระอีกหรือ

ผู้เขียนมีตัวเลขไม่ทางการมารายงานให้ทราบ ปี 2017 ค่าดูแลซ่อมแซมเรือต่อหนึ่งเดือนเท่ากับ 225,000 เหรียญหรือ 7.57 ล้านบาท!

ค่าดูแลซ่อมแซมเรือต่อหนึ่งปีจึงเท่ากับ 2.7 ล้านเหรียญหรือ 90.9 ล้านบาท!

ภาระทั้งนั้นเลย

จากเดอะแบกรัสเซียกลับกลายเป็นเดอะภาระยูเครน

จากเดอะภาระยูเครนกลับกลายเป็นเดอะแบกรัสเซียได้หรือไม่?

ได้สิครับ....ยูเครนขายเรือให้รัสเซียปัญหาจบทันที

ฝั่งนี้ได้สามทหารเสือกลับคืน นำไปปรับปรุงไม่กี่เดือนกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง Ukraina ใช้เรดาร์ตรวจการณ์ทันสมัยกว่า Moskva ที่จมทะเลดำไปแล้วด้วยซ้ำ

อีกฝั่งไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อเรือรบ 95 เปอร์เซ็นต์ สร้างเรือรบมาตรฐานนาโต้เติมเต็มฝันดีกว่า อุตสาหกรรมต่อเรือยูเครนในอดีตยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ได้รับเทคโนโลยีใหม่ๆ จากอังกฤษกับตุรกีเสียหน่อย ขี้คร้านจะสร้างเรือมาหลอกขายชาติอื่นเก็บเงินเข้ากระเป๋า

วิธีการจัดหาเรือ Ukraina ของรัสเซียมีดังนี้

1.เมื่อสงครามยุติด้วยผลเสมอไว้รอดวลกันนัดใหม่ รัสเซียขอซื้อเรือในราคามิตรภาพเพื่อนพ้องน้องพี่

2.รัสเซียทำสงครามต่อไปจนเอาชนะอย่างเด็ดขาด แล้วเรียกค่าปฏิกรรมสงครามเป็นเรือลำนี้เสียเลย

3.รัสเซียส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษมาขโมยเรือ ใช้เรือตักลากออกไปกลางทะเลมีเรือดำน้ำคุ้มกัน โดยได้รับความร่วมมือจาก นาตาชา โรมานอฟ สายลับสาวสวย

4.ใช้บริษัทเอกชนจีนเป็นนอมินี ติดต่อยูเครนบอกว่าจะซื้อเรือไปทำโรงแรมนะ ได้เรือมาแล้วก็ขายต่อรัสเซียกินส่วนต่าง 15 เปอร์เซ็นต์

รัสเซียได้เดอะแบก ยูเครนกำจัดเดอะภาระ สรุปความได้ว่าดีลนี้วินวินด้วยกันทั้งสองฝ่าย ~_^

ปัญหาสำคัญมีเพียงหนึ่งเดียว ตอนนี้เรือยังสุขสบายดีหรือไม่?

https://dambiev.livejournal.com/458538.html

https://weaponews.com/news/65352868-poltorak-suggested-zelensky-to-disassemble-the-cruiser-ukraine-for-par.html

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Ukrainian_cruiser_Ukraina

+++++++++++++++++++++++++++

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น