วันที่ 11 กันยายน 2563 พลตำรวจโท พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เป็นประธานประกอบพิธีวางกระดูกงูเรือตรวจการณ์ขนาด 130
ฟุตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิธีถูกจัดขึ้นที่อู่ต่อเรือบริษัท ซีเครสท์มารีน จำกัด
ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ซึ่งเป็นบริษัทสร้างเรือในประเทศมีผลงานสร้างเรือขนาดต่างๆ จำนวน 8 แบบ เรือตรวจการณ์ขนาด 130
ฟุตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเป็นเรือแบบที่ 9
วัตถุประสงค์สร้างเรือเพื่อใช้ในภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความมั่นคงตามแนวชายฝั่งทะเล
การป้องกันและปราบปรามแก้ไขปัญหาอาชญากรรมต่างๆ
รวมถึงการให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สัญจรทางน้ำ
กองบังคับการตำรวจน้ำมีเรือตรวจการณ์
ขนาด 110 ถึง 180 ฟุตจำนวน 6 ลำ เรือ 5 ลำอายุการใช้งาน 45 ปีขึ้นไปและอีก 1 ลำอายุการใช้งาน 27 ปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติเล็งเห็นความสำคัญกองบังคับการตำรวจน้ำ
ซึ่งมีหน้าที่และภารกิจทางน้ำในการถวายความปลอดภัย รักษาความปลอดภัย ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รวมทั้งรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
กองบังคับการตำรวจน้ำเป็น 1 ใน 6
หน่วยงานหลักของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือที่รู้จักกันในนาม
ศรชล.การจัดหาเรือตรวจการณ์ขนาด 130 ฟุตเพิ่มเติมจำนวน 1 ลำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำหน้าที่และภารกิจทางน้ำได้ดีกว่าเดิม
แบบเรือบริษัทซีเครสท์มารีนใช้ชื่อว่า
42
m Monohull Fast Patrol Boat หรือ 1301 ROYAL THAI MARINE
POLICE เรือมีความยาว 42 เมตรหรือ 137.76 ฟุต จึงถูกกำหนดให้เป็นเรือตรวจการณ์ 130
ฟุตใช้หมายเลข 1301 ความกว้างอยู่ที่ 7.9 เมตร กินน้ำลึก 1.5 เมตร ใช้เครื่องยนต์ดีเซล MTU
16V2000 M86 จำนวน 3 เครื่อง 3 ใบจักร ความเร็วสูงสุดมากถึง 34 นอต กำลังพลประจำเรือ
23 นาย
เพราะเรือมี 3
เครื่องยนต์ 3 ใบจักร
กัปตันเรือสามารถเลือกได้ว่าจะเดินเครื่อง 1 หรือ 2 หรือ 3 ตัว
หัวเรือมีจุดติดตั้งปืนกลขนาดไม่เกิน
30
มม.Superstructure หรือเก๋งเรือชั้นสองคือสะพานเดินเรือขนาดใหญ่
ต่อด้วยห้องควบคุมกลางและห้องรับรองแขกวีไอพี เก๋งเรือชั้นหนึ่งขนาดใหญ่โตกว้างขวาง
มีห้องรับรองอเนกประสงค์และห้องอาหารตกแต่งอย่างดี ห้องเครื่องยนต์ขนาดเล็กมากกินพื้นที่เพียงนิดเดียว
พื้นที่ชั้นล่างเป็นห้องนอนกำลังพลประจำเรือ ต่อด้วยห้องเครื่องยนต์หลักกับระบบขับเคลื่อน
มีการติดตั้งระบบปรับอากาศครอบคลุมทั้งลำ
แบบเรือตรวจการณ์ขนาด
130
ฟุตซีเครสท์มารีนได้มาจากไหน ?
คำตอบก็คือปรับปรุงจากแบบเรือ
SEA
SWORDFISH 1 ของตัวเองนั่นแหละครับ
เรือรับส่งผู้โดยสารและสัมภาระทางทะเลขนาดสั้นลง 0.5 เมตร แต่กว้างกว่าเดิม
0.1 เมตร เปลี่ยนเครื่องยนต์ Caterpillar C32 มาเป็น MTU 16V2000 M86 ความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 27
นอตเป็น 34 นอต
อัตราการใช้เชื้อเพลิงกับระยะปฏิบัติการย่อมน้อยลงตามความแรงเครื่อง แต่ภารกิจเรือตรวจการณ์ตำรวจน้ำเน้นความเร็วมากกว่าความประหยัด
ซีเครสท์มารีนจึงได้ปรับปรุงแบบเรือให้เหมาะสมความต้องการของลูกค้า
วันที่ 5
ตุลาคม 2564 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีปล่อยเรือตรวจการณ์ขนาด 130 ฟุตลงน้ำที่บริษัทซีเครสท์มารีน จำกัด ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
โดยมีคุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ
ในฐานะภริยาผบ.ตร.เป็นผู้ประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ
โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะสมาคมแม่บ้านตำรวจเข้าร่วมพิธี
เรือลำใหม่ถูกตั้งชื่อว่า
‘เรือตรวจการณ์ 1301’ หรือ ‘เรือชัยจินดา’
โดยการนำบรรดาศักดิ์หรือนามสกุลอดีตอธิบดีกรมตำรวจหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเป็นชื่อเรือ
ยกเว้นเรือตรวจการณ์ขนาด 60 ฟุตลงไปไม่มีชื่อเรือ จะถูกเรียกว่าเรือตำรวจน้ำตามด้วยหมายเลขประจำเรือ
ซึ่งในบางครั้งอาจเขียนอักษรย่อว่า ‘รน.’ หน้าหมายเลขเรือ
ภาพประกอบที่สองคือเรือตรวจการณ์
1301 ก่อนปล่อยลงน้ำ
เรือใหม่นี่สีสวยมากผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษ กินน้ำลึกปรกติที่ 1.5
เมตร กินน้ำลึกสูงสุดที่ 1.7 เมตร สองกราบเรือติดตั้งแผงกันกระแทกยาวไปจรดบั้นท้าย
เก๋งเรือชั้นสองสร้างระเบียงทางเดินค่อนข้างยาวจนเลยสะพานเดินเรือ
มองเห็นเครนขนาดใหญ่สีเหลืองเป็นภาพเบื้องหลัง
งบประมาณในการเรือตรวจการณ์
1301อยู่ที่ 336.951 ล้านบาท ใช้งบประมาณปี 2563 จำนวน 70 ล้านบาท กับงบประมาณปี 2564 อีก 266.951 ล้านบาท
ผู้เขียนมีรายละเอียดการแบ่งจ่ายเงินเท่าที่ตัวเองพอหาได้
เงินจ่ายล่วงหน้าเรือตรวจการณ์ขนาด
130 ฟุตจำนวนเงิน 33,695,091.90 บาท
เรือตรวจการณ์ขนาด
130 ฟุต งวดที่ 1 จำนวนเงิน 18,804,908.20 บาท
เรือตรวจการณ์ขนาด
130 ฟุต งวดที่ 1 ส่วนที่เหลือ จำนวนเงิน 14,890,183.60 บาท
เรือตรวจการณ์ขนาด
130 ฟุต งวดที่ 2 จำนวนเงิน 91,889,916.40 บาท
เป็นการทยอยจ่ายเงินตามผลงานสร้างเรือแต่ละงวด
เหมือนผู้อ่านต่อเติมบ้านหรือสร้างอาคารจอดรถนั่นเอง เงินล่วงหน้ามีเหมือนกันเพียงแต่ผู้รับเหมาไม่ทิ้งงานเหมือนกัน
ใครหน้าไหนจะกล้าลองดีกับกองบังคับการตำรวจน้ำ
อยากให้ผู้อ่านสังเกตสักเล็กน้อยว่า
ตัวเรือหรือ Hull ไม่ได้ทาสีเข้มตั้งแต่กลางเรือถึงบั้นท้ายเหมือนเรือตรวจการณ์กองทัพเรือ
อาจเป็นเพราะออกแบบช่องระบายความร้อนเครื่องยนต์ไว้ค่อนข้างดี จึงไม่เกิดคราบเขม่าควันดำสร้างความสกปรกต่อสองกราบเรือ
ได้คะแนนพิเศษเรื่องการออกแบบจากผู้เขียนสองหัวกะโหลก
ภาพประกอบที่สามเรือตรวจการณ์
1301 กำลังทดสอบแล่นเรือก่อนส่งมอบ
สิ่งแรกที่ผู้เขียนมองเห็นคือความปลอดโปร่งสะอาดตา
อุปกรณ์ทุกอย่างบนเรือถูกจัดเก็บอย่างดีไม่เกะกะทางเดิน
นอกจากมีพื้นที่ใช้งานภายในเก๋งเรือค่อนข้างมากแล้ว พื้นที่ใช้งานดาดฟ้าเรือกับหลังคาเรือค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน
เป็นข้อได้เปรียบของแบบเรือรุ่นใหม่ผ่านการพัฒนาปรับปรุงมาอย่างดี
ส่งผลให้เรือสามารถทำภารกิจได้หลากหลายกว่าเดิม
มาที่เสากระโดงเรือเอียง
115
องศาไปด้านหลังเป็นจุดแรก มีการติดตั้งเรดาร์เดินเรือ KODEN X-Band
กับ S-Band รุ่นละ 1 ตัว
ถัดไปเป็นลำโพงกระจายเสียงต่อด้วยกล้องตรวจการณ์ออปโทรนิกส์
อุปกรณ์ตรวจจับเรือตำรวจน้ำลำใหม่ล่าสุดทันสมัยไม่เบา
หลังคาเรือมีที่ว่างติดตั้งจานดาวเทียมสื่อสารหรือ SATCAOM ได้อย่างสบาย
ดาดฟ้าหัวเรือยังไม่ได้ติดปืนกลแต่อย่างใด
หลังคาเก๋งเรือชั้นหนึ่งมีพื้นที่ใหญ่โตพอสมควร
มีการติดตั้งปืนฉีดน้ำแรงดันสูงจำนวน 1 กระบอก
ดาดฟ้าท้ายเรือมีเรือยางท้องแข็งจำนวน 1 ลำพร้อมเครน ท่อระบายอากาศกับท่อดูดอากาศสองกราบเรือรูปทรงสี่เหลี่ยม
มีที่ว่างขนาดใหญ่ใช้เป็นจุดรับส่งสิ่งของจากเฮลิคอปเตอร์
สามารถติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์อเนกประสงค์ขนาด 20 ฟุตได้ 2
ตู้ สิ่งนี้คือออปชันมาตรฐานของเรือตรวจการณ์รุ่นใหม่ทั่วโลก
ดาดฟ้าเรือโล่งๆ
แบบนี้ผู้เขียนชอบเหลือเกิน สามารถปรับปรุงเรือให้โหดกว่าเดิมโดยไม่ต้องดัดแปลง
บั้นท้ายเรือสร้างบันไดทางเดินลงสู่พื้นระดับน้ำ
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษสะดวกในการขึ้นลงเรือยางท้องแข็ง เรือตรวจการณ์ลำใหม่อเนกประสงค์มากกว่าเดิม
ทำภารกิจได้ดีกว่าเดิมแม้เป็นแบบเรือจากบริษัทสร้างเรือเล็กๆ ก็ตาม
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 13.30
น. มีการฝึกสาธิตทางทะเล (Sea Exercise) ณ พื้นที่ ส.รน.5 กก.4 บก.รน.ในน่านน้ำอำเภอปราณบุรี
เพื่อเป็นการทบทวนการปฏิบัติและฝึกซ้อมร่วมกับกองบินตำรวจ โดยมีเรือตรวจการณ์ชัยจินดา
(1301) เรือตรวจการณ์ 816 เรือตรวจการณ์
527 เรือยางท้องแข็ง ชุดตรวจค้นเรือ นักปฏิบัติการใต้น้ำ เฮลิคอปเตอร์
บ.ตร. รวมทั้งกำลังพลจำนวนมาก เข้าร่วมทำการฝึกสาธิตสถานการณ์ 2 สถานการณ์ดังนี้
1.ตรวจค้นเรือต้องสงสัย เรือประมงดัดแปลงลักลอบค้ายาเสพติด
และการฝึกดำน้ำค้นหาวัตถุพยานใต้น้ำ
2.ช่วยเหลือคนตกน้ำและดับเพลิงเรือท่องเที่ยวที่เกิดเพลิงไหม้กลางทะเล
วิธีการฝึกซ้อมช่วยเหลือคนตกน้ำตามภาพประกอบที่สี่มีรายละเอียดดังนี้
1.นำเรือตรวจการณ์เข้าใกล้ผู้ประสบภัยให้มากที่สุด
แต่อยู่ในระยะปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุเรือพุ่งชนคน
จากนั้นจึงปล่อยเรือยางท้องแข็งลงสู่น้ำพร้อมกับเจ้าหน้าที่
ตามภาพเล็กในสี่เหลี่ยมสีเขียวนั่นแหละครับ
2.เรือยางแล่นเข้าใกล้ผู้ประสบภัยระยะปลอดภัยเช่นกัน
เพื่อโยนชูชีพให้คนตกน้ำคล้องตัวเองเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะช่วยดึงคนตกน้ำขึ้นสู่หัวเรืออันเป็นจุดปลอดภัยมากที่สุด
ตามภาพเล็กในสี่เหลี่ยมสีแดงนั่นเอง
3.เรือยางท้องแข็งนำผู้ประสบภัยมาส่งเรือตรวจการณ์ตามสี่เหลี่ยมสีเหลือง
วิธีขึ้นเรือมี 2 แบบคือบันไดระดับน้ำบริเวณบั้นท้ายเรือ กับใช้เครนยกเรือยางขึ้นมาเก็บพร้อมผู้โดยสาร
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หน้างานที่เกิดขึ้นจริง
วิธีช่วยเหลือคนตกน้ำโดยนำเรือใหญ่มาจอดเทียบ
ให้คนตกน้ำว่ายน้ำเข้ามาที่เรือผู้เขียนคิดว่าอันตรายเกินไป
มีใครทำแบบนี้บ้างไหมตอบว่ามี ในกรณีเป็นเรือตรวจการณ์ความยาวเพียง 20
เมตรเศษ ต้องช่วยเหลือผู้ประสบภัยท่ามกลางคลื่นลมแรงกลางทะเลลึก
จำเป็นต้องโยนชูชีพให้คนตกน้ำว่ายมาที่หัวเรือเพื่อขึ้นบันไดลิง
กรณีเร่งด่วนแบบนี้จำเป็นต้องทำก็ต้องทำแหละครับ
มัวแต่รอเรือตรวจการณ์ลำใหญ่มาช่วยเห็นทีจะสายเกินแก้ไข
การฝึกสาธิตทางทะเลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
กำลังพลทุกนายปลอดภัย นี่คือการออกงานครั้งแรกของเรือตรวจการณ์ 1301 หรือเรือชัยจินดา ท่ามกลางความภูมิใจกำลังพลทุกนายที่เข้าร่วมปฏิบัติการ
นอกจากความใหญ่โตกว้างขวางของเก๋งเรือและดาดฟ้าเรือ
ระเบียงทางเดินบนชั้นสองยังช่วยให้เรือดูกว้างกว่าเดิม ราวกันตกแบบทึบตั้งแต่สะพานเดินเรือถึงบั้นท้ายทำให้เรือดูสูงกว่าเดิม
ได้คะแนนพิเศษเรื่องการออกแบบจากผู้เขียนไปอีกหนึ่งหัวกะโหลก และได้รับตำแหน่งเรือตรวจการณ์สร้างเองในประเทศอันดับหนึ่งไปครอบครอง
ผู้เขียนชอบเรือลำนี้ค่อนข้างมาก
รวมทั้งชอบมากเป็นพิเศษเมื่อเปรียบเทียบกับเรือคู่แข่ง
แม้ไม่ใช่เรือลำใหญ่ที่สุดของกองบังคับการตำรวจน้ำ แต่เรือตรวจการณ์ 1301 จะได้รับตำแหน่งเดอะแบกอย่างแน่นอน
ความเห็นส่วนตัวอยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดหาเพิ่มเติมสัก
3
ลำ ทดแทนเรือตรวจการณ์ขนาด 110 ถึง 180 ฟุตรุ่นเก่าซึ่งส่วนใหญ่จัดหามาจากญี่ปุ่น
ยกเว้นเรือศรีนครินทร์ญาติผู้น้องของเรือหลวงล่องลมราชนาวีไทย
ต่อจากนี้ผู้เขียนจะพาไปรู้จักเรือคู่แข่งจำนวน
2
รุ่น อันเป็นแบบเรือที่ผู้อ่านทุกคนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
วันที่ 27
พฤศจิกายน 2561 กองทัพเรือมีหนังสือเชิญชวนจ้างสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งโดยวิธีคัดเลือกจำนวน
2 ลำ กำหนดราคากลางไว้ที่ 780 ล้านบาทหรือลำละ
390 ล้านบาทถ้วน บริษัทสร้างเรือเอกชนที่ให้ความสนใจยื่นซองประกวดประกอบไปด้วย
1.บริษัทมาร์ซัน
จำกัด (มหาชน)
2.บริษัทอู่กรุงเทพ
จำกัด
3.บริษัทเอเชี่ยน
มารีน จำกัด
4.บริษัทอิตัลไทย
จำกัด
5.บริษัทซีเครสท์มารีน
จำกัด
นี่คือ 5
บริษัทสร้างเรือขนาดใหญ่ของไทยในปัจจุบัน
หนึ่งในนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจกึ่งรัฐบาลกึ่งเอกชน
ต่อมาในวันที่ 1
กรกฎาคม 2562 กองทัพเรือประกาศผู้ชนะการเสนอราคาจ้างสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง
โดยวิธีคัดเลือก ได้แก่บริษัทมาร์ซัน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเสนอราคา 720,110,000
ล้านบาท หรือลำละ 360 ล้านบาท โดยใช้แบบเรือ ต.994
ของกองทัพเรือที่มาร์ซันเคยได้รับสัญญาสร้างเรือในอดีตจำนวน 2
ลำ
ภาพประกอบที่ห้าคือเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง
ต.996 สร้างโดยมาร์ซัน ในภาพติดอาวุธและอุปกรณ์ควบคุมการยิงจากยุโรป
แต่เรือลำใหม่คือ ต.997 กับ ต.998 จะติดอาวุธและอุปกรณ์ควบคุมการยิงจากรัสเซีย
มาร์ซันจะสร้างเรือเปล่าในราคาลำละ 360 ล้านบาท คุณสมบัติเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลำใหม่กองทัพเรือไทยมีดังนี้
ต.997 มีระวางขับน้ำ 223 ตัน ยาว 41.45 เมตร กว้าง 7.2 เมตร กินน้ำลึกสุด 2.0 เมตร ใช้เครื่องยนต์ดีเซล MAN จำนวน 2 เครื่อง 2 ใบจักร ความเร็วสูงสุด 28 นอตน้อยกว่ารุ่นเก่า ต.994 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ MTU
เพียง 1.3 นอตระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,500
ไมล์ทะเล ออกทะเลได้นานสุด 7 วัน กำลังพลประจำเรือ
33 นาย
สิ่งที่ ต.997 แตกต่างจากต.994 ในภาพประกอบก็คือ
เสากระโดงเรือสูงกว่าเดิมประมาณสองฟุต และยังไม่ได้ติดตั้งติดอาวุธกับอุปกรณ์ควบคุมการยิง
ผู้เขียนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะได้รับการติดตั้งเมื่อไร
เรือตรวจการณ์ 1301 ยาวมากกว่า ต.997 เพียง 0.55 เมตร
กว้างกว่า 0.6 เมตร กินน้ำน้อยกว่า 0.3
เมตร แต่มีความเร็วสูงสุดสูงกว่าถึง 6 นอต
หากเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ Caterpillar C32 จะช่วยประหยัดต้นทุน
โดยมีความเร็วสูงสุดน้อยกว่า ต.997 เพียง 1 นอต คุณสมบัติเรือจะใกล้เคียงกันทุกอย่างยกเว้นแค่เพียงราคา
ต.997 ราคา 360 ล้านบาท เรือตรวจการณ์ 1301 ราคา 336.951 ล้านบาท ต่างกัน 23.049 ล้านบาท
ผู้เขียนมั่นใจว่าตอนยื่นซองประกวดซีเครสท์มารีนใช้แบบเรือในบทความ
แต่ไม่แน่ใจเรื่องเครื่องยนต์กับการตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน ซีเครสท์มารีนบุกกองทัพเรือแล้วแม้จะยังพ่ายแพ้ต่อขาประจำก็ตาม
เนื่องจากแบบเรือ
ต.997 พัฒนามาจากเรือตรวจการณ์ชั้น ต.991 ส่วน ต.991
พัฒนามาจากเรือตรวจการณ์ชั้น ต.91 จากยุค 50
ปีที่แล้ว ความอเนกประสงค์ย่อมมีน้อยกว่าแบบเรือรุ่นใหม่ล่าสุด เหตุผลที่กองทัพเรือเลือกแบบเรือจากมาร์ซันเป็นผู้ชนะเลิศ
อาจเป็นเพราะมีเรือตระกูลเดียวกันเข้าประจำการจำนวน 6 ลำ
เรือคู่แข่งลำที่
2
มาจากบริษัทมาร์ซันเช่นกัน
เพียงแต่ขนาดเรืออาจไม่ใช่คู่แข่งขันโดยตรง
วันที่ 22
สิงหาคม 2560 กองทัพเรือจ้างสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งโดยใช้วิธีพิเศษ
วงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรคือ 475 ล้านบาท
เท่ากับเรือมีราคาลำละ 237.5 ล้านบาท บริษัทมาร์ซัน จำกัด
(มหาชน) ได้รับสัญญาจ้างสร้างเรือ ต.114 กับ ต.115 โดยใช้แบบเรือ M36 ซึ่งเคยสร้างเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือชั้น
ต.111 มาก่อน
ต.114 มีระวางขับน้ำ 150 ตัน ยาว 36 เมตร กว้าง 7.6 เมตร กินน้ำลึกสุด 1.75 เมตร ใช้เครื่องยนต์ดีเซล CUMMINS จำนวน 3 เครื่อง 3 ใบจักร ความเร็วสูงสุด 27 นอต กำลังพลประจำเรือ 33 นาย
ขนาดเล็กกว่าเรือตรวจการณ์ 1301 ถึง 6 เมตร
ระวางขับน้ำย่อมน้อยกว่ากันไปด้วยตามปรกติ
มาร์ซันนำเรือรับส่งผู้โดยสารและสัมภาระทางทะเลมาพัฒนาเป็นเรือตรวจการณ์
รูปร่างหน้าตาใกล้เคียงเรือตรวจการณ์ 1301
ราวกับพี่น้อง จุดติดตั้งปืนกลขนาด 30 มม.หัวเรือแคบพอๆ กัน ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์อเนกประสงค์ขนาด 20 ฟุตได้ 2 ตู้เท่ากัน พื้นที่ในเก๋งเรือและดาดฟ้าเรือค่อนข้างกว้างขวางมากกว่า
ต.997
ต.114 เปรียบได้กับเรือตรวจการณ์ 1301 ขนาดย่อส่วน
ใส่เครื่องยนต์กำลังต่ำกว่าจากอเมริกา ตกแต่งภายในเน้นใช้งานตามสไตล์ทหารเรือ
จุดเด่นก็คือราคาถูกกว่าถึง 99.451 ล้านบาท
ผู้เขียนรู้สึกแปลกใจที่กองทัพเรือขึ้นโครงการเรือ ต.997
เพื่อติดอาวุธกับอุปกรณ์ควบคุมการยิงจากรัสเซีย ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนกองทัพเรือเพิ่งจ้างสร้างเรือ
ต.114 ซึ่งมีความยาวน้อยกว่าร่วมๆ 6 เมตรก็จริง
แต่มีราคาถูกกว่ากันถึง 122.5 ล้านบาท
ในวงเงินสร้างเรือ
ต.997 จำนวน 2 ลำ จะสร้างเรือ ต.114
ได้ถึง 3 ลำโดยเหลือเงินทอน 7.5 ล้านบาท
ซีเครสท์มารีนบุกกองทัพเรือแล้วแต่ดูเหมือนจะเจอทางตัน
เพราะมีเรือ ต.997 กับ ต.114
เป็นสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม คำสั่งซื้อจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงมีเพิ่มเติมไม่เกิน
2 ลำ
ฉะนั้นแล้วอย่ามัวหาลูกค้าในประเทศให้อดอยากปากแห้งอยู่เลย
ไปบุกตลาดโลกร่วมกันโกยเงินดอลลาร์เข้าเมืองไทยไม่ดีกว่าหรือ
ผู้เขียนขอแต่งตั้งตัวเองเป็นวิศวกรกำมะลอระดับโคตรเซียน
ปรับปรุงแบบเรือ 42 m Monohull Fast Patrol Boat เพิ่มเติมเป็น 3 เวอร์ชันประกอบไปด้วย
1.เรือตรวจการณ์หน่วยยามฝั่งและตำรวจน้ำ
รูปร่างหน้าตาเหมือนเรือตรวจการณ์ 1301 ทั้งหมด
แต่เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ Caterpillar C32
ความเร็วลดลงเหลือ 27 นอต
การตกแต่งภายในให้ลดระดับลงมาแค่พอใช้งาน
รวมทั้งเสนอขายเรือจำนวนหลายลำเป็นการลดต้นทุน อาจกดราคาเรือให้อยู่ไม่เกินลำละ 300
ล้านบาทสำเร็จ
เรือตรวจการณ์รุ่นใหม่ขนาด
42
เมตรราคา 300 ล้านบาท
นำไปขายให้กับประเทศเล็กๆ ในทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้
หมู่เกาะน้อยใหญ่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ต้องมีลูกค้าบ้างสิขนาดบังกลาเทศยังทำสำเร็จเลย
2.เรือตรวจการณ์ปืนตามภาพประกอบสุดท้าย
โดยนำเรือเวอร์ชันหน่วยยามฝั่งมาติดปืนกลอัตโนมัติ 30 มม.ที่หัวเรือ หลังคาสะพานเดินเรือติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการยิง มีปืนกลขนาด 12.7
มม.อีก 2 กระบอกใช่เป็นปืนรอง
ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งระบบอำนวยการรบได้ตามใจชอบ
หากคิดว่าแพงไม่อยากติดย่อมทำได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ออปชันเสริมสำหรับลูกค้าผู้มีความหวาดระแวงก็คือ
ถอดปืนฉีดน้ำแรงดันสูงที่อยู่กลางเรือออก
ทดแทนด้วยปืนกลอัตโนมัติขนาดเล็กรุ่นใดรุ่นหนึ่ง STAMP 12.7 มม.ของตุรกีหรือ Hitrole NT 12.7 มม.ของอิตาลีเลือกได้เลย
3.เรือตรวจการณ์อาวุธนำวิถีซึ่งถือเป็นรุ่นดีที่สุด
โดยเรือเวอร์ชันตรวจการณ์ปืนเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ MTU ทำความเร็วสูงสุด
34 นอต (น้อยกว่าเรือหลวงราชฤทธิ์เพียง 2 นอต) เรือกินน้ำเพียง 1.5 เมตรเหมาะสมกับภารกิจ
(เรือหลวงราชฤทธิ์กินน้ำลึก 1.7 เมตร)
แต่ต้องมีการดัดแปลงปรับปรุงให้เหมาะสมมากกว่าเดิม
หัวเรือติดตั้งปืนกลอัตโนมัติ
30
มม.เหมือนเดิม ใช้ออปทรอนิกส์ควบคุมการยิงรุ่น
EOS500 ของ SAAB ระบบอำนวยการรบ 9LV
Mk4 ทำงานร่วมกับเรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ 3 มิติรุ่น
Sea Giraffe 1X AESA ปืนกล 12.7 มม.ขยับไปทางด้านหลังสักเล็กน้อย เพื่อติดตั้งแท่นยิงเป้าลวงขนาด 130 มม.จำนวน 6 ท่อยิง
ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ดักจับการแพร่คลื่นอิเล็กทรอนิกส์หรือ ESM ปืนกลอัตโนมัติขนาดเล็กกลางเรือเปลี่ยนเป็นแท่นยิงแฝดสอง SIMBAC RC สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน Mistral-3 ระยะยิง
7 กิโลเมตร
บริเวณกลางเรือติดตั้งแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ
MARTE
Mk2/N จำนวน 4 นัด
โดยติดท่อยิงซ้อนสองด้านบนขวางลำเรือเพื่อประหยัดพื้นที่ MARTE Mk2/N ขนาดกะทัดรัดบรรจุหัวรบหนัก 70 กิโลกรัม ระยะยิง 30
กิโลเมตรถือว่าเหมาะสมกับภารกิจและขนาดเรือ
อุดช่องโหว่การป้องกันภัยตามเกาะแก่งน้อยใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ลูกค้าเรือตรวจการณ์ปืนกับเรือตรวจการณ์อาวุธนำวิถีประกอบไปด้วย
ประเทศในตะวันออกกลาง ประเทศเงินหนาในแอฟริกา อเมริกาใต้ บรูไน ฟิลิปปินส์ รวมทั้งประเทศที่อเมริกาจัดหาเรือให้ใช้งานอาทิเช่นยูเครน
หากชีวิตไม่สิ้นยังต้องดิ้นรนกันต่อไป
ซีเครสท์มารีนแจ้งเกิดเรือตรวจการณ์ความยาว 130 ฟุตสำเร็จแล้ว
จากนี้ไปคือการขยายตลาดให้กว้างไกลกว่าเดิม ผู้เขียนอวยพรให้ประสบความสำเร็จขายดิบขายดีทั่วโลกเอย
++++++++++++++++++++++++++++
อ้างอิงจาก
รายงานเรื่อง :
รายละเอียดบัญชีงานระหว่างก่อสร้างคงค้าง
รายงานเรื่อง : พรบ.64 หลังปรับลด
ของ ตร
https://marine.police.go.th/New/Place%20the%20Keel%20TMP.htm
https://www.facebook.com/771915736491126/posts/1556548708027821/
https://web.facebook.com/rtmp2017/posts/309230357904938
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4815750138493976&id=587752487960450
https://web.facebook.com/thotspol.kunapermsiri/posts/10222164887453651
https://web.facebook.com/takommusic2010/photos/2157606371054876/
https://web.facebook.com/Seacrest-Marine-771915736491126/
https://seacrest.co.th/?fbclid=IwAR2Oc-wVfmgdQEEP2iMpp-PXOn_HieeQqELV71q5nyY0vzTyrCM2DOURt9E
https://web.facebook.com/superboy.shipbucket/photos/pcb.3468872466552487/3468872289885838/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น