บทความนี้เป็นความอยากรู้ของผู้เขียนอย่างปุบปับว่า อากาศยานบนเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์กองทัพเรืออเมริกา ประกอบไปด้วยเครื่องบินอะไรจำนวนเท่าไรและใช้ทำภารกิจใด เนื่องจากไม่มีเหตุผลอย่างชัดเจนย่อมไม่มีการปูเรื่องหรือเท้าความถึงอดีตกาล ฉะนั้นแล้วอย่ามัวพิรี้พิไรเข้าสู่เนื้อหากันเลยดีกว่า
ยุค 60
ภาพประกอบที่ 1
คือเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของกองทัพเรืออเมริกา
USS Enterprise (CVN-65)
เข้าประจำการวันที่ 25 พฤศจิกายน 1961 ภาพใบนี้ถ่ายในปี
1962 หรือเข้าประจำการได้เพียงปีเดียว
เรือบรรทุกเครื่องบินระวางขับน้ำ 93,284 ตันมีอากาศยานชนิดต่างๆ
ดังนี้
1.เครื่องบินขับไล่
(VF) F-4 Phantom II จำนวน 1 ฝูง 12 ลำ กับเครื่องบินขับไล่ F-8 Crusader จำนวน 1 ฝูง 12 ลำ
เรือบรรทุกเครื่องบินบางลำยังคงประจำการเครื่องบินขับไล่รุ่นเก่า F-3D
Skyknight ซึ่งสามารถติดอาวุธนำวิถีอากาศสู่อากาศระยะเกินสายตา AIM-7
Sparrow ได้แล้ว
2.เครื่องบินโจมตี
(VA) A-4 Skyhawk จำนวน 3 ฝูงบิน 36 ลำ ในภาพประกอบจะจอดเรียงกันที่หัวเรือฝั่งขวา
ส่วนฝั่งซ้ายคือ F-4 Phantom II
ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากัน ส่วนแถวขวามือกลางเรือคือ F-8 Crusader ซึ่งฝรั่งเศสจัดหาไปใช้งานบนเรือตัวเอง A-4 Skyhawk
ขนาดกะทัดรัดราคาไม่แพงค่าซ่อมบำรุงถูก จึงถูกกองทัพเรือหลายชาติใช้งานลากยาวมาจนถึงปี
2020 ก่อนหายหน้าไปอย่างถาวรเมื่อเรือบรรทุกเครื่องบินของบราซิลต้องปลดประจำการ
3.เครื่องบินโจมตีขนาดใหญ่
(VAH) A-5 Vigilante จำนวน 1 ฝูงบิน 10-12 ลำ
ในภาพประกอบจอดโดดเด่นกลางเรือไล่ไปจนถึงสะพานเดินเรือจำนวน 3 ลำ เครื่องบินลำนี้ใหม่มากเข้าประจำการพร้อมกับ USS Enterprise (CVN-65)
แต่อายุใช้งานไม่ยาวนานสักเท่าไรเนื่องจากกองทัพเรือได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธี
4.เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า
(VAW) E-2A Hawkeye จำนวน 4 ลำ
เห็นจานเรดาร์กลมๆ กันบ้างไหมเอ่ย
5.เครื่องบินลาดตระเวนถ่ายภาพ
(VFP) RF-8G Crusader จำนวน 4 ลำ
นอกจากอากาศยานประจำเรือบรรทุกเครื่องบินแล้ว
ยังมีเครื่องบินลำเลียง (VR) C-1 Trader บินไปกลับระหว่างสนามบินกับเรือบรรทุกเครื่องบิน
เพื่อรับส่งเจ้าหน้าที่หรือลำเลียงยุทธปัจจัยต่างๆ มาที่เรือ รวมทั้งบางภารกิจมี C-1 Trader ประจำการชั่วคราวบนเรือจำนวน 2 ลำ
จำนวนรวมอากาศยานทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ
70
ลำ
ยุค 70
ภาพประกอบที่
2
คือเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Enterprise (CVN-65) ระหว่างปี 1973 เครื่องบินขับไล่ F-8
Crusader เครื่องบินโจมตี A-4 Skyhawk
รวมทั้งเครื่องบินโจมตีขนาดใหญ่ A-5 Vigilante
ปลดประจำการแล้ว อากาศยานประจำเรือบรรทุกเครื่องบินประกอบไปด้วย
1.เครื่องบินขับไล่
(VF) F-4 Phantom II จำนวน 2 ฝูง 24 ลำ หมดยุคสมัย F-8 Crusader ของเรืออากาศเอก คาซามะ ชินไปเสียแล้ว เครื่องบินขับไล่ 2 เครื่องยนต์รุ่นใหม่จอดเรียงรายบริเวณท้ายเรือ มีใช้งานทั้งกองทัพเรือและกองทัพอากาศอเมริกา
แต่มีผลงานไม่โดดเด่นสักเท่าไรทั้งสงครามเวียดนามหรือสงครามยมคิปปูร์
2.เครื่องบินโจมตี
(VA) A-7 Corsair II จำนวน 2 ฝูง 24 ลำ จอดเรียงรายตั้งแต่หัวเรือไล่มาถึงกลางเรือ
รูปร่างหน้าตาหากมองผิวเผินอาจนึกว่า F-8 Crusader
แต่สั้นกว่าอ้วนกว่ากันพอสมควร ฐานล้อหน้าอยู่ใต้ห้องนักบินขณะที่ฐานล้อหน้า F-8
Crusader อยู่เลยไปอีกหนึ่งฟุตเศษ บรรทุกระเบิดได้มากกว่า A-4
Skyhawk พอสมควร
3.เครื่องบินโจมตีทุกสภาวะอากาศ
(VA) A-6 Intruder จำนวน 1 ฝูง 12 ลำ
ออกแบบให้ใช้งานบนเรือบรรทุกเครื่องบินโดยเฉพาะ ใช้นักบิน 2 นายขนาดเล็กกว่าเครื่องบินโจมตี
A-5 Vigilante ก็จริง
แต่คล่องตัวกว่าทันสมัยกว่าและติดอาวุธได้หลากหลายกว่า ในภาพจอดอยู่ท้ายเรือ 2 ลำ หัวเรือ 2 ลำ รวมทั้งหน้าสะพานเดินเรืออีกหลายลำ
4.เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า
(VAW) E-2A Hawkeye จำนวน 4-6 ลำ ในภาพมองเห็น 2 ลำบริเวณหัวเรือ
5.เครื่องบินลาดตระเวนสอดแนม (RVAH) RA-5C Vigilante จำนวน 4 ลำ ในภาพมองเห็น 3 ลำจอดติดสะพานเดินเรือ
ปรับปรุงมาจากเครื่องบินโจมตีขนาดใหญ่ A-5 Vigilante
ซึ่งมีระยะเวลาประจำการน้อยนิด
6.เครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์
(VAQ) EKA-3B Skywarrior จำนวน 4
ลำ ในภาพไม่ปรากฏบนดาดฟ้า
7.เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง
(HC) SH-3A Sea King จำนวน 6 ลำ กองทัพเรืออเมริกาเริ่มใช้งานเฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่แล้ว
Sea King ติดตั้งอุปกรณ์ปราบเรือดำน้ำรุ่นใหม่ทันสมัยได้
แต่ได้รับภารกิจลำเลียงค้นหาและกู้ภัยบนเรือบรรทุกเครื่องบิน เนื่องจากยุค 60
ถึง 70 กองทัพเรืออเมริกามีเรือบรรทุกเครื่องบินปราบเรือดำน้ำจำนวนหนึ่ง
เครื่องบินลำเลียง
(VR) C-1 Trader
ถูกปรับเปลี่ยนมาใช้งานรุ่น C-2 Greyhound
นอกจากอากาศยานประจำการบนเรือตามปรกติแล้ว
เรือบางลำยังมีเครื่องบินลาดตระเวน RF-8G Crusader กับเครื่องบินเติมเชื้อเพลิง KA-3B Skywarrior
เพิ่มเติมเข้ามาจำนวนหนึ่ง ถึงแม้เครื่องบินโจมตี A-4
Skyhawk หายไปจาก USS Enterprise (CVN-65) แล้ว แต่ยังคงประจำการกับฝูงบินนาวิกโยธินอีกนานพอสมควร รวมทั้งบนเรือบรรทุกเครื่องบินปราบเรือดำน้ำจากยุคสงครามโลกครั้งที่สองอีกหลายลำ
จำนวนรวมอากาศยานทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ
80-90
ลำ
USS Enterprise (CVN-65) ปลดประจำการวันที่ 1 ธันวาคม 2012
ยุค 80
ภาพประกอบที่
3
คือเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson (CVN-70) ถูกพัฒนาให้ทันสมัยมากกว่า USS Enterprise (CVN-65) พอสมควร เรือเข้าประจำการวันที่ 13 มีนาคม 1982
ปัจจุบันยังคงประจำการอยู่ในทะเลจีนใต้
ภาพถ่ายใบนี้ถ่ายในเดือนธันวาคม 1986 อากาศยานประจำเรือบรรทุกเครื่องบินประกอบไปด้วย
1.เครื่องบินขับไล่
(VF) F-14 Tomcat จำนวน 2 ฝูง 24 ลำ เจ้าแมวอ้วนของพี่ทอม ครุซ
จอดเรียงรายอยู่ที่ท้ายเรือ
เพราะสามารถปรับความกว้างของปีกได้จึงไม่จำเป็นต้องพับปีกขณะลงลิฟต์
2.เครื่องบินโจมตี
(VA) A-7 Corsair II จำนวน 2 ฝูง 24 ลำ จอดเรียงรายบริเวณหัวเรือฝั่งขวามือ
3.เครื่องบินโจมตีทุกสภาวะอากาศ
(VA) A-6E Intruder จำนวน 1 ฝูง 10-12 ลำ จอดเรียงรายบริเวณหัวเรือฝั่งซ้ายมือ
4.เครื่องบินเติมเชื้อเพลิง
KA-6D Intruder จำนวน 4 ลำ
อยู่ฝูงบินเดียวกับ A-6E Intruder
5.เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า
(VAW) E-2C Hawkeye จำนวน 4-6 ลำ
6.เครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์
(VAQ) EA-6E Intruder จำนวน 4 ลำ
7.เครื่องบินตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ
(VS) S-3 Viking จำนวน 10 ลำ
จอดบริเวณกลางเรือมองเห็นชัดเจน
8.เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง
(HC) SH-3A Sea King จำนวน 6 ลำ
สาเหตุที่เครื่องบินลาดตระเวนปราบเรือดำน้ำ
S-3
Viking ถูกเพิ่มเติมเข้ามา 1 ฝูง
เนื่องจากกองทัพเรืออเมริกาทยอยปลดประจำการเรือบรรทุกเครื่องบินปราบเรือดำน้ำ
ส่งผลให้เรือทำภารกิจปราบเรือดำน้ำได้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้งทำภารกิจปราบเรือผิวน้ำได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน อันเนื่องมาจาก A-6E
Intruder ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ AGM-84A
Harpoon เรียบร้อยแล้ว
วันที่ 18
เมษายน 1988 เครื่องบิน A-6E Intruder จำนวน 2 ลำยิง Harpoon จำนวน 2
นัด กับอาวุธนำวิถีเลเซอร์ AGM-123 Skipper
II จำนวน 4 นัด รวมทั้งระเบิดลูกปราย Rockeye
อีก 2 นัด ใส่เรือฟริเกต IRIS Sahand กองทัพเรืออิหร่าน ส่งผลให้เรือเกิดความเสียหายอย่างหนักและจมในเวลาต่อมา
ก่อนหน้านี้ 2 ปี A-6E Intruder เคยใช้
Harpoon โจมตีเรือตรวจการณ์ของลิเบียจำนวน 2 ลำ เพียงแต่ไม่ได้นับแต้มเพราะไม่มีหลักฐานมากเพียงพอ
นอกจากอากาศยานประจำการบนเรือตามปรกติแล้ว
เรือบางลำยังมีเครื่องบินลาดตระเวน RF-8G Crusader กับเครื่องบินตรวจการณ์สอดแนม (VQ) EA-3B Skywarrior เพิ่มเติมเข้ามาจำนวนหนึ่ง ในภาพมองเห็น
EA-3B ลำหนึ่งจอดอยู่ตรงกลางระหว่างแถว A-6 กับ A-7
จำนวนรวมอากาศยานทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ
86-92
ลำ สมน้ำสมเนื้อเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ระวางขับน้ำ 101,300
ตัน
ยุค 90
ภาพประกอบที่
4
คือเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson (CVN-70) ระหว่างปี 1998 อันเป็นช่วงเวลาเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บนเรือบรรทุกเครื่องบิน
กองทัพเรืออเมริกาปลดประจำการเครื่องบินโจมตีทุกรุ่น แล้วนำเครื่องบินขับไล่โจมตี F/A-18 C/D Hornet เข้ามาประจำการทดแทน
รวมทั้งแทนที่เครื่องบินขับไล่ F-14 Tomcat
ซึ่งสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เพียงแต่ในภาพประกอบ F/A-18 ยังทดแทนเครื่องบินโจมตีไม่ครบทุกฝูง
อากาศยานประจำเรือบรรทุกเครื่องบินประกอบไปด้วย
1.เครื่องบินขับไล่
(VF) F-14 Tomcat จำนวน 1 ฝูง 12 ลำ มีเรือบรรทุกเครื่องบินเพียง 2 จาก 10 ลำที่ยังคงมี F-14 Tomcat จำนวน 2 ฝูง ในอนาคตกองทัพเรือจะนำ F/A-18 E/F Super Hornet มาใช้งานแทนจนครบทุกลำ
2.เครื่องบินขับไล่โจมตี
(VFA) F/A-18 C/D
Hornet จำนวน 2 ฝูง 24 ลำ เข้ามาแทนที่เครื่องบินโจมตี A-7 Corsair II
ซึ่งถูกขายต่อราคาประหยัดให้กับพันธมิตรรวมทั้งกองทัพเรือไทย
ในภาพประกอบจอดอยู่กลางเรือปะปนร่วมกับเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินโจมตี
รูปทรงทันสมัยใช้ 2 เครื่องยนต์แต่กินน้ำมันน้อยกว่า F-14 พอสมควร
F/A-18 C/D Hornet ทำภารกิจได้ทั้งขับไล่สกัดกั้นและโจมตีทิ้งระเบิด
โดยนำเครื่องบินต้นแบบ YF-17 Cobra ซึ่งพ่ายแพ้ต่อ YF-16 ในการคัดเลือกเครื่องบินขับไล่ขนาดเล็กกองทัพอากาศ
มาปรับปรุงเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับการใช้งานบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ทั้งเรื่องความแข็งแรงของแอร์เฟรมและการขยายขนาดถังน้ำมัน
เป็นการปลุกผีส่งผลให้เครื่องบินที่กองทัพอากาศเมินมีอายุยืนยาวจนถึงปัจจุบัน
เพียงแต่รูปร่างหน้าตาผิดแปลกไปจากรุ่นเดิมพอสมควร
F/A-18 A/B Hornet เข้าประจำการกองทัพเรืออเมริกาปี 1980
ต่อมาในปี 1987 จึงเป็นคิวของ F/A-18 C/D Hornet
นอกจากจะมีการปรับปรุงโน่นนั่นนี่ให้ทันสมัยมากกว่าเดิม F/A-18 D สองที่นั่งยังสามารถทำการรบได้ดีเทียบเท่า F/A-18 C รุ่นที่นั่งเดี่ยว
และดีกว่ากันอย่างชัดเจนในภารกิจโจมตีทิ้งระเบิดตอนกลางคืน
ผู้เขียนเขียนถึงแตนแตนอาละวาดเยอะพอสมควร
เนื่องจากในอนาคต F/A-18 มีบทบาทมากกว่าเครื่องบินทุกรุ่น
เพราะเครื่องบินมีความอเนกประสงค์ไม่แตกต่างจาก F-16 A/B
Fighting Falcon ซึ่งปัจจุบันยังคงมีขายเช่นกัน ต่างกันแค่เพียง F-16 Black 70 รูปร่างหน้าตาใกล้เคียงรุ่นแรกสุด
และยังคงได้รับความนิยมทั่วโลกมีคำสั่งซื้อทุกปี
3.เครื่องบินโจมตีทุกสภาวะอากาศ (VA) A-6E
Intruder จำนวน 1 ฝูง 10-12 ลำ จะถูกแทนที่ด้วย F/A-18 C/D
Hornet ในปีถัดไป ส่วนเครื่องบินเติมเชื้อเพลิง KA-6D
Intruder ถูกแทนที่ด้วย Air Refueling Pod
หรือ Aerial Refueling Store บนเครื่องบิน
F/A-18 โดยถูกเรียกขานสั้นๆ ว่า Buddy Hornet
4.เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า
(VAW) E-2C Hawkeye จำนวน 4 ลำ
5.เครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์
(VAQ) EA-6E Intruder จำนวน 4 ลำ
6.เครื่องบินตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ
(VS) S-3 Viking จำนวน 8 ลำ
7.เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง
(HC) HH-60H Rescue Hawk จำนวน 2
ลำ กับเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ (HS) SH-60F Oceanhawk จำนวน 4 ลำ
8.เครื่องบินตรวจการณ์สอดแนม
(VQ) EA-3B Skywarrior ยังมีใช้งานเช่นกันแต่ค่อนข้างน้อยนิด
จำนวนรวมอากาศยานทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ
70
ลำ
จำนวนอากาศยานลดลงจากเดิมอย่างชัดเจน
อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและกลุ่มวอร์ซอ
กองทัพเรืออเมริกาถูกตัดงบประมาณก้อนใหญ่เหมือนดั่งเหล่าทัพอื่น
จำเป็นต้องลดรุ่นและจำนวนอากาศยานประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน
รวมทั้งกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเครื่องขับไล่อเนกประสงค์อย่างเต็มตัว
ปี 201x
ภาพประกอบที่
5
คือเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson (CVN-70) ระหว่างปี 2016 ซึ่งจัดเป็นยุคแตนอาละวาดครองเมืองอย่างแท้จริง
บนเรือ
1.เครื่องบินขับไล่โจมตี
(VFA) F/A-18 C/D
Hornet กับ F/A-18 E/F Super Hornet จำนวน
4 ฝูง 44 ลำ
ในภาพประกอบส่วนใหญ่จะเป็น
Super
Hornet ซึ่งยาวกว่า Hornet ประมาณ 3 ฟุตและหนากว่ากันพอสมควร
ข้อแตกต่างชัดเจนระหว่างเครื่องบินสองรุ่นหากมองจากมุมบน
ให้ผู้อ่านสังเกตเครื่องบิน 3
ลำที่จอดเรียงกันอยู่ทางกราบซ้ายของเรือ ลำบนสุดคือ F/A-18 F Super Hornet สองที่นั่ง โคนปีกใต้ห้องนักบินจะกางมากกว่าและทาสีเข้มรูปสามเหลี่ยม
ส่วนอีก 2 ลำคือ F/A-18 C Hornet ที่นั่งเดี่ยว
โคนปีกกางออกนิดเดียวทาสีอ่อนตามปรกติ
2.เครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (VAQ) EA-18G Growler จำนวน 5 ลำ เป็นเครื่องบินตระกูลเดียวกับ F/A-18
F Super Hornet สองที่นั่ง ข้อแตกต่างสำคัญคือปลายปีกติดอุปกรณ์สงครามอิเล็กทรอนิกส์
ในภาพประกอบจะจอดเรียงกันจำนวน 3 ลำที่หัวเรือ
ที่ผู้เขียนบังเอิญทราบเพราะแอบดูภาพถ่ายใบอื่นเรียบร้อยแล้ว
3.เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า
(VAW) E-2C Hawkeye จำนวน 4 ลำ
4.เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ
(HS) MH-60R Seahawk จำนวน 11 ลำ
5.เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงปราบเรือผิวน้ำ
(HC) MH-60S Knighthawk จำนวน 8
ลำ
6.เครื่องบินลำเลียง (VR) C-2 Greyhound จำนวน 2 ลำ บินไปบินกลับระหว่างเรือกับสนามบิน
นอกจากเครื่องบินโจมตีทุกรุ่นจะปลดประจำการอย่างถาวร
เครื่องบินตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ S-3 Viking ยังถูกแทนที่ด้วยเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ MH-60R Seahawk ในจำนวนมากกว่า ส่วน S-3 Viking
ถูกส่งไปจัดเก็บในทะเลทรายเหมือนดั่ง F-14 Tomcat
โดยไม่มีใครทราบว่าจะกลับมาโบยบินได้อีกหรือไม่
จำนวนรวมอากาศยานทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ
70
ลำ
เรือบรรทุกเครื่องบิน
USS
Carl Vinson (CVN-70) ในปี 2016
ถูกปรับปรุงใหม่เช่นกัน แท่นยิง Mk.29 สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน
ESSM ลดลงจาก 3 แท่นยิงเหลือเพียง 2
แท่นยิง เรดาร์ควบคุมการยิง Mk.95 ลดลงจาก 6
ตัวเหลือเพียง 4 ตัว แล้วใส่แท่นยิง Mk.49
สำหรับระบบป้องกันตนเองระยะประชิด RAM จำนวน 2
แท่นยิงเพิ่มเติมเข้ามา ส่วนระบบป้องตนเองระยะประชิด Phalanx
มีจำนวน 2 ระบบเท่าเดิม
เรือติดตั้งเรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ
AN/SPQ-9B ไว้ที่บนสุดเสากระโดง เรดาร์ตัวนี้ผู้เขียนดองเค็มบทความเป็นเวลา 4
ปีกว่าๆ เข้าไปแล้ว ตอนนี้ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวางพล็อตเรื่องเอาไว้เช่นไร…ฮา
ปี 202x
ปัจจุบันกองทัพเรืออเมริกาประจำการ
F-35C
Lightning II จำนวน 1 ฝูงบินบนเรือบรรทุกเครื่องบิน
USS Carl Vinson (CVN-70) เครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ยุคที่
5 รุ่นใหม่ทันสมัยเข้ามาทดแทนเครื่องบิน F/A-18 C/D Hornet
ฝูงสุดท้ายของกองทัพเรือ ซึ่งปลดประจำการจากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl
Vinson (CVN-70) ช่วงต้นปี 2019 เป็นลำสุดท้ายของกองทัพ
F-35C จะเข้ามาทดแทน F/A-18 E/F Super Hornet เช่นกันเพียงแต่ไม่ทั้งหมด
กองทัพเรืออเมริกาสั่งซื้อ F/A-18 E/F Super Hornet Block 3 จำนวน 78 ลำเข้าประจำการ แตนอาละวาดตัวใหม่ติดตั้งถังน้ำมันแนบลำตัวเหมือนดั่ง F-16 Block 70 จะทำงานร่วมกับ F-35C และ EA-18G Growler รวมทั้งรุ่นเก่าอย่าง Super Hornet ขึ้นอยู่กับว่าภารกิจนั้นๆ ต้องการทำอะไรมีอันตรายมากน้อยแค่ไหน
เครื่องบินลำเลียงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง
C-2
Greyhound รับใช้ชาตินานมากแล้วควรพักผ่อนตลอดกาล
กองทัพเรือจึงได้สั่งซื้อเครื่องบินลำเลียงขึ้นลงแนวดิ่ง CMV-22B Osprey มาทำหน้าที่แทน อีกไม่ช้าไม่นานจะเข้าประจำการอย่างจริงๆ จังๆ เพียงแต่ว่ารุ่นปราบเรือดำน้ำคงไม่มาเพราะแพงเกินไป
อากาศยานไร้คนขับเติมเชื้อเพลิง
MQ-25 Stingray ก็เป็นอีกรุ่นที่กำลังพัฒนา
ต้นแบบลำที่หนึ่งกับลำจริงแตกต่างกันพอสมควร MQ-25
จะเป็นเครื่องบินบัดดี้ให้กับ F-35C ในการรบแถวหน้า มีโอกาสรอดตัวจากอาวุธทันสมัยฝ่ายตรงข้ามมากกว่าเครื่องบินรุ่นเก่า
และถึงแม้ถูกยิงตกก็ไม่สูญเสียนักบินฝีมือดีแต่อย่างใด
กองทัพเรืออเมริกามีเรือบรรทุกเครื่องบินประมาณ
10
ลำ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าประจำการและทำภารกิจทั่วโลก
เป็นแสนยานุภาพ เวหานุภาพ และฐานทัพอากาศเคลื่อนที่อันทรงประสิทธิภาพ ปัจจุบันยังไม่มีอากาศยานไร้คนขับรุ่นติดอาวุธประจำการบนเรือ
ดูเหมือนอเมริกายังไม่ได้สนใจพัฒนาอย่างเต็มตัว
ชาติอื่นที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งเล็กและใหญ่ก็เช่นเดียวกัน
ความสนใจวนเวียนอยู่ที่ F-35B F-35C Super Hornet Block 3 หรือ Rafale M เท่านั้น
ขนาดจีนยังได้พยายามพัฒนาเครื่องบินประจำเรือยุค 5
ด้วยตัวเอง มีแค่เพียงตุรกีที่อยากนำอากาศยานไร้คนขับมาใช้งานบนเรือ
ไม่ใช่อะไรแค่อเมริกาไม่ยอมขาย F-35B ให้เท่านั้นเอง
บทความ U.S.
Navy Carrier Air Wing จบลงสั้นๆ ห้วนๆ แต่เพียงเท่านี้ อากาศร้อนจัดโควิดระบาดดูแลตัวเองให้ดีนะครับ
ไว้ผู้เขียนว่างกว่านี้จะเขียนบทความยาวกว่านี้ให้อ่านเน่อ ^__*
++++++++++++++++++++++++++++
อ้างอิงจาก
https://www.navysite.de/cvn/cvw.htm
https://www.seaforces.org/usnships/cvn/CVN-65-USS-Enterprise.htm
https://www.seaforces.org/usnships/cvn/CVN-70-USS-Carl-Vinson.htm
https://www.seaforces.org/usnair/VRM/VRM-30.htm
https://twitter.com/CcibChris/status/1456895627263107073...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น