วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Small Combattant Vessel

 

เรือคอร์เวตชั้นเรือหลวงรัตนโกสินทร์แห่งราชนาวีไทย ถูกยกย่องว่าเป็นเรือเล็กติดอาวุธล้นลำมีพิษสงน่าเกรงขาม เป็นเรือขนาดไม่เกิน 1,000 ตันที่ติดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน Aspide เพียงไม่กี่ลำบนโลก หนำซ้ำยังมีระบบปราบเรือดำน้ำทันสมัยที่สุดเท่าที่สามารถติดได้ เสียดายแค่เพียงไม่ได้ตั้งระบบป้องกันตัวเองระยะประชิด Phalanx กับระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์แบบเต็มสูบตามแผนการ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเรือในตำนานให้เหล่าลูกเรือทั่วโลกเล่าขานสืบไป

         เรือหลวงรัตนโกสินทร์ทำให้ผู้เขียนอยากรวบรวมข้อมูลว่า นับจากปี 2020 เป็นต้นมามีเล็กติดอาวุธล้นลำชั้นไหนถูกจัดหาเข้าประจำการบ้าง จนได้พบเจอข้อมูลน่าสนใจนำมารวบรวมเป็นบทความยาว เก็บไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงเรื่องอะไรก็ตามในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกล

Falaj-3 Class Combatant Offshore Patrol Vessel

ระหว่างปี 2021 โดยบริษัท Abu Dhabi Ship Building ประเทศยูเอีซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท EDGE Group ประเทศฝรั่ง ได้รับสัญญาสร้างเรือจากกองทัพเรือยูเออี โดยใช้แบบเรือจากบริษัท ST Engineering ประเทศสิงคโปร์ มาปรับปรุงเพิ่มเติมกลายเป็นเรือเรือตรวจการณ์ขนาดกลางที่มีพิษสงร้ายกาจ

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2023 โครงการ Falaj-3 เริ่มประกอบพิธีวางกระดูกงูเรือลำแรก เดือนมกราคม 2025 มีการประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ต่อมาในงานแสดงอาวุธ NAVDEX 2025 เดือนมีนาคม 2025 เรือลำแรกซึ่งถูกตั้งชื่อว่า Al Taf (P 163) ถูกนำมาจัดแสดงในสภาพสร้างเสร็จสมบูรณ์ เป็นการยืนยันว่าโครงการสร้างเรือเองในประเทศของยูเออีประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย

Al Taf (P 163) มีระวางขับน้ำ 641 ตัน ยาว 62.7 เมตร กว้าง 9.5 เมตร กินน้ำลึกสุด 3.4 เมตร ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลจำนวน 4 ตัว ความเร็วสูงสุด 25 นอต ระยะปฏิบัติการไกลสุด 2,000 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 16 นอต ใช้ลูกเรือจำนวน 39 นาย มีเรือยางท้องแข็งจำนวน 1 ลำอยู่กราบซ้ายเรือ โดยมีแผ่นวัสดุปิดตามสไตล์เรือรุ่นใหม่ลดการตรวจจับจากคลื่นอิเล็กทรอนิกส์

เรือลำจริงติดอาวุธแตกต่างจากภาพในโบร์ชัวร์เล็กน้อย โดยเปลี่ยนมาใช้ปืนใหญ่ OTO 76/62 STRALES ยิงกระสุนนำวิถีต่อสู้อากาศยาน DART ได้ พื้นที่ว่างหน้าสะพานเดินเรือติดตั้งแท่นยิงแนวดิ่งจำนวน 8 ท่อยิง สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน VL MICA และหรือ VL MICA NG หลังเสากระโดงติดตั้งปืนกลอัตโนมัติขนาด 30 มม.รุ่น M230LF จำนวน 2 กระบอก ต่อด้วยแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือ MM 40 Exocet Block 3 จำนวน 4 ท่อยิง แท่นยิงเป้าลวง MASS กระดกแท่นยิงได้จากเยอรมันจำนวน 2 แท่นยิง แท่นยิง Mk49 ขนาด 21 ท่อยิงจำนวน 1 ระบบ สำหรับระบบป้องกันตัวเองระยะประชิด RAM Block 1A และ RAM Block 2 ปิดท้ายด้วยแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีเลเซอร์ Halcon LOGIR ขนาด 12 ท่อยิงจำนวน 2 แท่นยิง

Al Taf (P 163) ใช้ระบบอำนวยการรบ ATHENA C Mk2 จากอิตาลี เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติ Kronos Naval High Power และเรดาร์ควบคุมการยิง NA-30S Mk2 จากอิตาลีเช่นเดียวกัน บนเสากระโดงทรงพีระมิดติดตั้งกล้องออปโทรนิกส์ SPYNEL จำนวน 2 ตัวสำหรับควบคุมการยิง Halcon LOGIR ใช้ระบบดักจับการแพร่คลื่นอิเล็กทรอนิกส์ ELT/332 RESM/CESM จากบริษัท Elettronica ประเทศอิตาลีเช่นเดียวกัน

โครงการสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งสมรรถนะสูงชั้น Falaj-3 จำนวน 4 ลำ ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 950 ล้านเหรียญ (รวมการจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีทุกชนิด) จับมาหารสี่ได้ราคาเฉลี่ยลำละ 237.5 ล้านเหรียญหรือ 7,708 ล้านบาท เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่อลังการตามสไตล์เจ้าพ่อน้ำมันนั่นเอง

นอกจากสร้างเรือใช้เองในประเทศไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ ยูเออียังสามารถขายเรือชั้นนี้ได้เงินก้อนโตน่าอิจฉาไม่ใช่น้อยๆ วันที่ 3 กรกฏาคม 2025 บริษัท EDGE Group ออกมาประกาศว่า กองทัพเรือคูเวตเซ็นสัญญาจัดหาเรือชั้น Falaj-3 จำนวน 8 ลำในวงเงิน 2.45 พันล้านเหรียญหรือ 77,980 ล้านบาท หรือลำละ 9,747.5 ล้านบาทแพงกว่าเรือยูเออีลำละ 2,000 ล้านบาท

เรือทุกลำสร้างโดย Abu Dhabi Ship Building หรือ ADSB อู่ต่อเรือทันสมัยที่สุดของยูเออี

ระบบเรดาร์และอาวุธบนเรือคาดว่าเหมือนเวอร์ชันกองทัพเรือยูเออี ยกเว้นอาจเปลี่ยนมาใช้ปืนใหญ่ OTO 76/62 mm Super Rapid รุ่นปรกติ และอาจติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ MANSUP-ER สินค้าของ EDGE Group รวมทั้งคาดว่าราคา 2.4 พันล้านเหรียญรวมระบบอาวุธทั้งหมดเรียบร้อยแล้วต้องรอดูเวอร์ชันจริงเรือชั้น Falaj-3 กองทัพเรือคูเวตกันต่อไป

Musherib class Offshore Patrol Vessel

ระหว่างปี 2016 กองทัพเรือกาตาร์เซ็นสัญญาจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งจำนวน 2 ลำจากบริษัท Fincantieri ประเทศอิตาลี เรือลำแรก Musherib Q61 เข้าประจำการวันที่ 22 มกราคม 2022 ส่วนเรือลำที่สอง Sheraouh Q62 เข้าประจำการวันที่ 7 กรกฎาคม 2022 ราคาเรือผู้เขียนไม่ทราบเนื่องจากกองทัพเรือกาตาร์ซื้อเรือจาก Fincantieri รวดเดียวจำนวน 7 ลำ ประกอบไปด้วยเรือยกพลขึ้นบกดาดฟ้าเรียบจำนวน 1 ลำ เรือคอร์เวตป้องกันภัยทางอากาศจำนวน 4 ลำ และเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งซึ่งมีความแตกต่างจากเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งโดยทั่วไปจำนวน 2 ลำ


เรือชั้น Musherib มีระวางขับน้ำเต็มที่ 725 ตัน ยาว  63.8 เมตร กว้าง 9.2 เมตร กินน้ำลึก 2.6 เมตร ใช้เครื่องยนต์ CODOD ทำความเร็วสูงสุด 30 นอต ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1,500 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 15 นอต ออกทะเลได้นานสุด 21 วัน ใช้ลูกเรือจำนวน 38 นาย รูปร่างหน้าตาคล้ายเรือเร็วโจมตีอาวุธนำวิถีรุ่นใหม่ทันสมัย ติดตั้งเสากระโดงทรงพีระมิดขนาดใหญ่ค่อนข้างกลมกลืนกับตัวเรือ ส่งผลให้เรือดูดุดันน่าเกรงขามทุกมุมมอง เสียดายถ้าใส่เหล็กกันโครงแบบทืบทั้งหัวเรือและท้ายเรือ (เฉพาะหัวเรือก็ได้) จะช่วยให้เรือสวยดุดันกลมกลืนและดูสมส่วนมากกว่าเดิม

ระบบอาวุธป้องกันตัวประกอบไปด้วย หัวเรือติดตั้งปืนใหญ่ OTO 76/62 Super Rapid ต่อด้วยแท่นยิงแนวดิ่งจำนวน 8 ท่อยิงสำหรับอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยาน VL Mica ข้างสะพานเดินเรือติดตั้งปืนกลขนาด 12.7 มม.จำนวน 2 กระบอก พื้นที่ว่ากลางเรือติดตั้งปืนกลอัตโนมัติ Marlin 30 มม.จำนวน 2 กระบอก ท้ายเรือติดตั้งแท่นยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้เรือรบ MM 40 Exocet Block 3 จำนวน 4 ท่อยิง มีเรือยางท้องแข็งขนาด 4.6 เมตรจำนวน 1 ลำบริเวณบั้นท้ายเรือ

เรือใช้ระบบอำนวยการรบ ATHENA C Mk2 เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติ Kronos Naval HP (Kronos Naval High Power) รุ่นใหม่ทันสมัยระยะตรวจจับไกลสุด 250 กิโลเมตร เรดาร์ควบคุมการยิง NA-30S Mk2 จำนวน 1 ตัว ออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Medusa Mk4B  จำนวน 1 ตัว ระบบดักจับคลื่นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ELT/332 RESM/CESM อุปกรณ์ทั้งหมดนี้มาจากอิตาลีผู้สร้างเรือ รวมทั้งมีระบบเป้าลวงอาวุธปล่อยนำวิถี Sylena Mk2 อีกจำนวน 2 แท่นยิง

เหตุผลที่เรือชั้น Musherib ติดอาวุธมากกว่าเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งทั่วไป เนื่องจากกองทัพเรือกาตาร์อยากให้ทำภารกิจเรือเร็วโจมตีอาวุธนำวิถีหรือ Fast Patrol Vessel (FPV) ด้วยอีกหนึ่งหน้าที่ แน่นอนที่สุดราคาย่อมแพงกว่าเรือขนาดเดียวกันโดยทั่วไป แต่น่าจะต่ำกว่าเรือชั้น Falaj-3 ของกองทัพเรือยูเออีเพราะจากไม่มีระบบป้องกันตัวเองระยะประชิด

ถือเป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งขนาด 62 เมตรที่ทรงประสิทธิภาพลำหนึ่งของโลก

การจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งระหว่างยูเออีกับกาตาร์แตกต่างกันพอสมควร ยูเออีต้องการสร้างเรือในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ และถือโอกาสขายเรือให้กับเพื่อนบ้านผู้ครอบครองบ่อน้ำมันไปพร้อมกัน ส่วนกาตาร์ยังไม่มีความพร้อมเรื่องการสร้างเรือเน้นซื้ออย่างเดียว ข้อดีคือไม่ต้องลงทุนเรื่องอู่ต่อเรือ อุปกรณ์สร้างเรือ หรือเจ้าหน้าที่ฝีมือเชี่ยวชาญ เป็นแนวทางของแต่ละชาติไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขากำหนดนโยบายระยะยาวในการป้องกันประเทศไว้แบบใด

BR71 Mk II COMBATTANTE Corvette

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2023 กองทัพเรือแองโกล่า เซ็นสัญญามูลค่า 1 พันล้านยูโรร่วมกับบริษัท Abu Dhabi Ship Building หรือ ADSB ในโครงการจัดหาเรือคอร์เวต BR71 Mk II Combattante จำนวน 3 ลำน่าจะรวมอาวุธจำนวนหนึ่งด้วย ราคาเฉลี่ยลำล่ะ 333.33 ล้านยูโรหรือ 12,430 ล้านบาท

เรือคอร์เวตชั้น BR71 Mk II Combattante คือการนำแบบเรือคอร์เวตชั้น Baynunah กองทัพเรือยูเออีมาปรับปรุงให้ทันสมัยกว่าเดิม สะพานเดินเรือค่อนข้างยาวมองเห็น 270 องศา เสากระโดงรูปทรงพีระมิดจากอิตาลีเหมือนเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชั้น Musherib กองทัพเรือกาตาร์ เรือถูกออกมาแบบให้ทำภารกิจในเขตน้ำตื้นได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งภารกิจปราบเรือผิวน้ำ ป้องกันภัยทางอากาศ รวมทั้งค้นหาและกู้ภัยผู้ประสบภัยทางทะเล ป้องกันชายฝั่งแองโกล่าความยาว 1,600 ไมล์ทะเลได้เป็นอย่างดี

ระวางขับน้ำของ BR71 Mk II Combattante ยังไม่เป็นที่เปิด ยาว 70.3 เมตร กว้าง 11 เมตร กินน้ำลึก 3 เมตร ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล MTU จำนวน 4 ตัวพร้อมระบบ Waterjet ทำความเร็วสูงสุด 30 นอต ระยะปฏิบัติการไกลสุด 2,500 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 12 นอต ใช้ลูกเรือ 50 นาย มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาด 5 ตันที่ท้ายเรือ ถัดเข้ามาเล็กน้อยคือจุดจอดเรือยางท้องแข็งขนาด 6 เมตรจำนวน 2 ลำในโรงเก็บถาวร จุดติดตั้งอาวุธอาจเป็นเป็นรองเรือคอร์เวตชั้น Baynunah  ทว่าใช้งานเรือในภารกิจลาดตระเวนตรวจการณ์ยามปรกติได้ดีกว่าเดิม

ระบบอาวุธป้องกันตัวเองประกอบไปด้วย หัวเรือติดตั้งปืนใหญ่ 76/62 มม.รุ่นยอดนิยม ถัดไปคือแท่นยิงแนวดิ่งจำนวน 8 ท่อยิงสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน VL MICA กลางเรือติดตั้งปืนกลอัตโนมัติ LIONFISH จากอิตาลีขนาด 20 มม.จำนวน 2 กระบอก ต่อด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ MM40 Exocet Block 3 จำนวน 8 นัด หรืออาจเปลี่ยนเป็น MANSUP-ER ระยะยิง 200 กิโลเมตรที่ยูเออีผลิตร่วมกับบราซิลก็ได้ ปิดท้ายที่แท่นยิง Simbad-RC สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ Mistral 3 อีก 2 แท่นยิงจำนวน 4 นัด เหมาะสมกับการเผด็จศึกอากาศยานไร้คนขับโดยมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า VL MICA หรือ ESSM

เรือใช้ระบบอำนวยการรบ ATHENA C Mk2 เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติ Kronos Naval HP เรดาร์ควบคุมการยิง NA-30S Mk2 จำนวน 1 ตัว ออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Medusa Mk4B  จำนวน 1 ตัว ระบบดักจับคลื่นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ELT/332 RESM/CESM อุปกรณ์ทั้งหมดนี้มาจากอิตาลีเหมือนเรือชั้น Musherib รวมทั้งมีระบบเป้าลวงอาวุธปล่อยนำวิถี Sylena Mk2 อีกจำนวน 2 แท่นยิง

ภาพประกอบคือเรือคอร์เวตชั้น BR71 Mk II Combattante ลำแรกสร้างในเมือง Cherbourg ประเทศฝรั่งเศส ส่วนเรืออีก 2 ลำอยู่ระหว่างสร้างไปพร้อมกันโดยบริษัท ADSB ประเทศยูเออี ถือเป็นการส่งออกเรือคอร์เวตครั้งแรกจากประเทศพ่อค้าน้ำมันผู้มีแนวคิดกว้างไกล ยอมทุ่นเงินก้อนโตจัดตั้งบริษัทสร้างเรือขนาดใหญ่ทันสมัย เพื่อขายสินค้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งประเทศที่ต้องการ และสามารถทำได้จริงสร้างอนาคตที่ดีบวกความยั่งยืนกิจการอู่ต่อเรือของตัวเอง

กองทัพเรือแองโกล่าอยู่ระหว่างการเสริมสร้างกองเรือให้แข็งแกร่งกว่าเดิม นอกจากเรือคอร์เวตขนาด 70.3 เมตรจำนวน 3 ลำจากบริษัท ADSB ประเทศยูเออีซึ่งใช้แบบเรือฝรั่งเศส พวกเขายังสั่งซื้อเรือชนิดต่างๆ จากบริษัท CMN ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ EDGE Group เหมือน ADSB จำนวน 20 ลำมูลค่ามากถึง 495 ล้านยูโรอาทิเช่น เรือลำเลียงพลขนาด 70 เมตรชั้น LCT 200-70 จำนวน 2 ลำ เรือตรวจการณ์ไตรมารันชั้น Ocean Eagle 43 จำนวน 3 ลำ เรือตรวจการณ์ชั้น Vigilante 1400 ขนาด 1,400 ตัน ยาว 79 เมตรจำนวน 1 ลำ หรือเรือตรวจการณ์ชั้น HIS 32 ขนาด 32 เมตรจำนวน 3 ลำซึ่งส่งมอบแล้ว นอกจากนี้ยังมีเรือตรวจการณ์ขนาดเล็กจากอิตาลีกับอิสราเอลจำนวนหนึ่ง รวมทั้งเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล C295MP จำนวน 3 ลำจากสเปน

บทสรุป

เรือเล็กติดอาวุธล้นลำยังคงขายได้เรื่อยๆ ไม่แตกต่างจากเรือชนิดอื่น ลูกค้าต้องการนำมาปกป้องน่านน้ำตัวเองโดยเฉพาะในเขตน้ำตื้น ต้องการความคล่องตัว ความรวดเร็ว และอำนาจการยิงเหนือกว่าเรือตรวจการณ์หรือเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง โดยต้องยอมรับเรื่องราคาเรือไม่ได้ย่อมเยาว์ตามความยาวหรือระวางขับน้ำ เท่ากับว่ายังมีที่ว่างให้แบบเรือเล็กติดอาวุธล้นลำรุ่นอื่นได้แจ้งเกิด

อ้างอิงจาก

https://edgegroupuae.com/solutions/br71-mk-ii-combattante

https://www.navalnews.com/naval-news/2025/07/angolan-navy-br71-mkii-corvette-program-progresses/

https://web.facebook.com/photo?fbid=1032208898489498&set=pcb.1813202062495210

https://www.calibredefence.co.uk/edge-to-build-falaj-3-missile-boats-for-kuwait-in-record-deal/?fbclid=IwY2xjawOPQsFleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFNWUNKNmEzUU4zTFFYdHdhc3J0YwZhcHBfaWQQMjIyMDM5MTc4ODIwMDg5MgABHtYVlcfvQbJSXov38RXN24d2Tci1BvNlVkyKE1CtnBBNNNnsHbwxKHDgZylj_aem_h_-HzQL3jq9YzPxtNDwxxg

https://edgegroupuae.com/solutions/60m-falaj-3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น