เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช
ปัจจุบันราชนาวีไทยมีเรือฟริเกตติดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานจำนวน
3
ลำประกอบไปด้วย
1.เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชอายุ 5 ปี 10 เดือน
2.เรือหลวงนเรศวรอายุ 30 ปี 9 เดือน
3.เรือหลวงตากสินอายุ 30 ปีเต็ม
นอกจากนี้เรายังมีเรือคอร์เวตติดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานจำนวน
1
ลำได้แก่เรือหลวงรัตนโกสินทร์
ทว่าเรือมีขนาดค่อนข้างเล็กระวางขับน้ำไม่ถึง 1,000 ตัน
อายุการใช้งานมากถึง 39 ปี
ที่สำคัญเรือฝาแฝดเรือหลวงสุโขทัยจมน้ำไปแล้วหลังประสบคลื่นลมแรงในทะเล
การใช้งานจำเป็นต้องระมัดระวังและจำกัดภารกิจไม่ให้แบกเกินตัวเหมือนในอดีต
ราชนาวีไทยยังมีเรือรบไม่ได้ติดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานจำนวนพอสมควร
ปัจจุบันถูกนับรวมเป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งทุกลำ เท่ากับว่าปี 2569
เรามีเรือฟริเกตใช้งานจำนวน 3 ลำเท่านั้น
วันที่
9 ตุลาคม 2568 มีการประกาศแผนการจัดซื้อเครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร MTU
พร้อมสนับสนุนการติดตั้งและเชื่อมต่อระบบเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชจำนวน
1 ชุดเครื่อง โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง/การจัดซื้อจัดจ้าง(ซื้อ,จ้าง,เช่า,แลกเปลี่ยน) วงเงินงบประมาณ
280 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2569
เท่ากับเป็นการยืนยันชัดเจนกองทัพเรือจะเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซล
MTU บนเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชจำนวน 1 ตัว
ฉะนั้นเรือจะหยุดทำภารกิจขึ้นมาอยู่บนอู่ลอยเป็นเวลายาวนานหลายเดือน เรือรบซึ่งเปรียบได้กับกระบี่มือหนึ่งของลูกประดู่ไทยจะกลับมาใหม่หลังแก้ไขปัญหาเสร็จครบถ้วน
ซ่อมใหญ่เครื่องยนต์ดีเซลเรือหลวงนเรศวร
วันที่
9 ตุลาคม 2568 มีการประกาศแผนการจัดซื้ออะไหล่ซ่อมทำเครื่องจักรใหญ่ดีเซล หมายเลข
1-2 ตราอักษร MTU 20V 1163 TB83 ขั้น MAJOR OVERHAUL เรือหลวงนเรศวร จำนวน 552 รายการ โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง/การจัดซื้อจัดจ้าง(ซื้อ,จ้าง,เช่า,แลกเปลี่ยน) วงเงินงบประมาณ
49.482 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2569
นอกจากการ
MAJOR
OVERHAUL เครื่องจักรใหญ่ เรือฟริเกตอายุ 30 ปี
9 เดือนยังมีแผนการจัดซื้ออะไหล่เพิ่มเติมประกอบไปด้วย
1.จัดซื้ออะไหล่ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร BOSCH
จำนวน 10 รายการ วงเงินงบประมาณ
1,409,000.00 บาท
2.จัดซื้อแหวนลูกสูบเครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร GOETZE จำนวน 3 รายการ วงเงินงบประมาณ
2,295,000.00 บาท
3.จัดซื้อ CYLINDER LINER ตราอักษร MAHLE จำนวน 40 EA วงเงินงบประมาณ 5,998,500.00
บาท
4.จัดซื้อลิ้นไอดีไอเสียเครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร FEDERAL-MOGUL
VALVETRAIN จำนวน 5 รายการ วงเงินงบประมาณ 6,099,000.00 บาท
5.จัดซื้อ MAIN BEARING เครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร
MIBA จำนวน 2 รายการ วงเงินงบประมาณ 6,270,700.00 บาท
6.จัดซื้ออะไหล่ซ่อมทำระบบน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องจักรใหญ่ดีเซล หมายเลข 1-2
ตราอักษร L'ORANGE จำนวน 10 รายการ วงเงินงบประมาณ 9,243,700.00 บาท
เท่ากับว่าปีงบประมาณ
2569
เรือหลวงนเรศวรมีแผนการจัดซื้ออะไหล่จำนวน 7 โครงการใหญ่
วงเงินงบประมาณรวมทุกโครงการประมาณ 80.8 ล้านบาท
ฉะนั้นปี
2569
เรือฟริเกตจำนวน 2 จาก 3 ลำของเราต้องเข้ารับการซ่อมใหญ่
การนำเรือขึ้นซ่อมผู้เขียนเข้าใจว่ากองทัพเรือจะทำไม่พร้อมกัน
ต้องซ่อมเรือลำใดลำหนึ่งให้เสร็จก่อนถึงนำอีกลำเข้าซ่อม
เหตุผลก็คือเรามีเรือฟริเกตติด ESSM เพียง 3 ลำเท่านั้น รวมทั้งสถานที่ในอู่ต่อเรือราชนาวีมหิดลค่อนข้างคับแคบ
หากนำเรือฟริเกต 2 ลำเข้าซ่อมพร้อมกันจะไม่มีเหลือที่ว่างให้เรือลำอื่น
การซ่อมบำรุงประจำปีหรือซ่อมด่วนต้องเปลี่ยนไปใช้อู่ต่อเรือเอกชน
ต้องเสียงบประมาณเพิ่มต้องทำเรื่องเบิกจ่ายวุ่นวายไปหมด
การซ่อมระดับ
MAJOR
OVERHAUL อาจใช้เวลายาวนานหลายเดือน ยกตัวอย่างเช่น 2 ปีที่แล้วเรือหลวงตากสินเคยซ่อมใหญ่เครื่องยนต์โดยฝีมือนายช่างลูกประดู่ไทย
กว่าจะแก้ไขปัญหาจุกจิกหน้างานเสร็จหมดสิ้นใช้เวลาประมาณ 7 เดือน
ฉะนั้นการซ่อมใหญ่เครื่องยนต์เรือหลวงนเรศวรย่อมใช้เวลาใกล้เคียงกัน
ซ่อมใหญ่เครื่องยนต์ดีเซลเรือ
ต.992
วันที่
9 ตุลาคม 2568 มีการประกาศแผนการจัดซื้ออะไหล่ซ่อมทำเครื่องจักรใหญ่ ขวา-ซ้าย
ตราอักษร MTU รุ่น 16V 4000 M 90 ขั้น MAJOR OVERHAUL เรือ ต.992 จำนวน 332 รายการ โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง/การจัดซื้อจัดจ้าง(ซื้อ,จ้าง,เช่า,แลกเปลี่ยน) วงเงินงบประมาณ
42.715 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2569
ต.992
เป็นเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ระวางขับน้ำ 185
ตัน ยาว 38.70 เมตร
เทียบกับเรือหลวงนเรศวรระวางขับน้ำ 3,000 ตันแล้ว
เรือหลวงนเรศวรขนาดใหญ่กว่าประมาณ 16.2 เท่า
ทว่าเรือหลวงนเรศวรซ่อมเครื่องจักรใหญ่ขั้น MAJOR OVERHAUL โดยใช้งบประมาณ
49.482 ล้านบาท ต่างกันเพียง 6.76
ล้านบาทถือว่าไม่มากสักเท่าไร
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะราคาอะไหล่ไม่ได้แปรผันกับขนาดเรือ
แต่เป็นไปตามวิธีคิดคำนวณบริษัทผู้ผลิตจากประเทศเยอรมัน
นอกจากการ
MAJOR
OVERHAUL เครื่องจักรใหญ่ เรือ ต.992 ยังมีแผนการจัดซื้ออะไหล่เพิ่มเติมประกอบไปด้วย
1.จัดซื้อ MAIN BEARING เครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร
MIBA จำนวน 6 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,883,800.00 บาท
2.จัดซื้อ PISTON BOLT เครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร MAHLE
จำนวน 32 EA วงเงินงบประมาณ 684,800.00
บาท
3.จัดซื้อลิ้นไอดีไอเสียเครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร FEDERAL-MOGUL
VALVETRAIN จำนวน 2 รายการ วงเงินงบประมาณ 600,000.00 บาท
เท่ากับว่าปีงบประมาณ
2569
เรือต.992 มีแผนการจัดซื้ออะไหล่จำนวน 4
โครงการใหญ่ วงเงินงบประมาณรวมทุกโครงการประมาณ 45.9 ล้านบาท
งบประมาณ
45.9
ล้านบาทที่ได้รับในปีงบประมาณ 2569 จะช่วยให้เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งอายุ 18 ปีสร้างโดยบริษัทมาร์ซัน จำกัดลำแรก
มีประสิทธิภาพระบบขับเคลื่อนเทียบเท่าเรือใหม่ตอนเข้าประจำการปี 2550 การซ่อมบำรุงทำโดยเจ้าหน้าที่ราชนาวีไทยช่วยให้ค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินไป
เรื่องน่าสนใจสำหรับเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชั้น
ต.99x
ก็คือ เรือชุด ต.991-ต.993 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล MTU รุ่น 16V 4000 M 90
จำนวน 2 ตัว เรือชุด ต.994-ต.996 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล MTU รุ่นเดียวกัน ส่วนเรือชุด ต.997-ต.998 เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ดีเซล MAN รุ่น 16V175D-MM ทำให้ผู้เขียนอยากรู้มากๆ ระหว่าง MTU 16V
4000 M 90 กับ MAN 16V175D-MM
รุ่นไหนอะไหล่ถูกกว่ากัน
ว่ากันตามจริงผู้เขียนสมควรแสดงความยินดีต่อเรือสร้างในไทยและลูกเรือทั้งหมด
โดยมีข้อแม้แผนการจัดซื้ออะไหล่ทุกโครงการของเรือต.992 ต้องเกิดขึ้นจริงในปี 2569
ความล่าช้าของโครงการ
ตอนที่แล้วผู้เขียนสรุปปิดท้ายตัวเองสมควรแสดงความยินดีต่อเรือ
ต.992
โดยมีข้อแม้แผนการจัดซื้ออะไหล่ต้องเกิดขึ้นจริงในปี
2569 เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะเพิ่งอยู่ในขั้นตอนแรกเท่านั้น
โดยทั่วไปการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพเรือทุกโครงการต้องเริ่มต้นจาก
1.ประกาศแผนการจัดซื้อ/จัดจ้าง
2.ประกาศร่าง TOR กับราคากลาง
3.ประกาศจัดซื้อจัดจ้าง
4.ประกาศผลการจัดซื้อจัดจ้าง
5.เซ็นสัญญากับผู้ได้รับการคัดเลือก
ผ่าน
5
ด่านสำเร็จถึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาอะไหล่
ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ หรือจัดหาอาวุธใหม่ บางโครงการอาจเกิดความล่าช้าข้ามปีงบประมาณ ทว่ายังเดินหน้าต่อจนกว่าโครงการดังกล่าวสำเร็จลุล่วง
โดยมีบางโครงการถูกจัดตั้งใหม่ในปีงบประมาณถัดไป ผู้เขียนขอยกตัวอย่างให้เพื่อนๆ
สมาชิกพิจารณาประกอบไปด้วย
1.เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.992
วันที่
28 ตุลาคม 2567 มีการประกาศแผนการจัดซื้ออะไหล่ซ่อมทำเครื่องจักรใหญ่
ขวา-ซ้าย ตราอักษร MTU รุ่น 16V 4000 M 90 ขั้น MAJOR OVERHAUL เรือ ต.992 จำนวน 271 รายการ โดยใช้วิธีคัดเลือก/ซื้อ
วงเงินงบประมาณ 13 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2568
ต่อมาในวันที่
9 ตุลาคม 2568 มีการประกาศแผนการจัดซื้ออะไหล่ซ่อมทำเครื่องจักรใหญ่ ขวา-ซ้าย
ตราอักษร MTU รุ่น 16V 4000 M 90 ขั้น MAJOR OVERHAUL เรือ ต.992 จำนวน 332 รายการ เฉพาะเจาะจง/การจัดซื้อจัดจ้าง(ซื้อ,จ้าง,เช่า,แลกเปลี่ยน) วงเงินงบประมาณ
42.715 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2569
กรมอู่ทหารเรือกำหนดให้การซ่อมเรือ
ต.992 อยู่ในลำดับต้นๆ ทันทีที่เข้าสู่ปีงบประมาณ 2568 มีการเผยแพร่แผนการจัดซื้ออะไหล่ซ่อมทำเครื่องจักรใหญ่ทันที
แต่แล้วโครงการนี้กลับนิ่งเงียบไม่มีความเคลื่อนไหวตลอดทั้งปี
และได้กลายร่างเป็นโครงการใหม่ประจำปีงบประมาณ 2569 โดยมีการจัดซื้ออะไหล่เพิ่มจาก
271 รายการเป็น 332 รายการ วงเงินงบประมาณเพิ่มจาก
13 ล้านเป็น 42.715 ล้านบาท
ปรกติการซ่อมบำรุงเครื่องจักรใหญ่บนเรือแบ่งเป็น
TOP
OVERHAUL หรือ LIGHT OVERHAUL ตามคู่มือประจำเรือซึ่งจะทำทุก 15,000 ชั่วโมง กับ MAJOR
OVERHAUL หรือ HEAVY OVERHAUL ตามคู่มือประจำเรือซึ่งจะทำทุก
60,000 ชั่วโมง การซ่อมบำรุงแบบหลังต้องยกฝาสูบทั้งหมดขึ้นมาตรวจสอบบนโรงงาน
เพื่อดำเนินการเปลี่ยนและประกอบลิ้นไอดี ลิ้นไอเสีย บ่าวาล์ว และวาล์วไกด์ทั้งหมด มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการดำเนินการ
ฉะนั้น MAJOR OVERHAUL จึงใช้เวลาซ่อมนานกว่าซับซ้อนกว่า TOP
OVERHAUL โดยทั่วไป
ผู้เขียนไม่เข้าใจเรื่องจำนวนอะไหล่ที่เพิ่มจาก
271
รายการเป็น 332 เป็นไปได้ว่ากองทัพเรือมีการตรวจสอบเรืออีกครั้ง
หรือได้รับคำแนะนำจากบริษัทผู้ผลิตเรื่องการจัดซื้ออะไหล่
จึงมีการจัดทำโครงการใหม่ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นในปีถัดไป
เพื่อให้การซ่อมเรือมีความเหมาะสมเพิ่มความมั่นใจต่อผู้ใช้งาน
2.เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช
วันที่
13 พฤษภาคม 2568 มีการประกาศแผนการจัดซื้อเครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร MTU
รุ่น 16 V 1163 M94 เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช
จำนวน 1 เครื่อง โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง
วงเงินงบประมาณ 240.75 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2568
ต่อมาในวันที่
9 ตุลาคม 2568 มีการประกาศแผนการจัดซื้อเครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร MTU
พร้อมสนับสนุนการติดตั้งและเชื่อมต่อระบบเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชจำนวน
1 ชุดเครื่อง โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง/การจัดซื้อจัดจ้าง(ซื้อ,จ้าง,เช่า,แลกเปลี่ยน) วงเงินงบประมาณ
280 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2569
เวลาเพียง
5
เดือนกองทัพเรือตั้งโครงการเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชถึงสองครั้ง
โครงการนี้การค้นหาเหตุผลน่าจะไม่ยากสักเท่าไร
การตั้งโครงการครั้งแรกกำหนดแค่จัดซื้อเครื่องยนต์
MTU
รุ่น 16 V 1163 M94
เป็นไปได้ว่ากองทัพเรือมีการตรวจสอบเรืออีกครั้ง
หรือได้รับคำแนะนำจากบริษัทผู้ผลิตในการแก้ไขปัญหา
จึงมีการจัดทำโครงการใหม่ใช้งบประมาณมากขึ้นในปีถัดไป โดยเพิ่มคำว่าสนับสนุนการติดตั้งและเชื่อมต่อระบบเข้ามา
และเพิ่มงบประมาณจาก 240.75 ล้านบาทเป็น 280 ล้านบาท
อย่าลืมนะครับว่าเราไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชตามวงรอบการซ่อมบำรุง
แต่เป็นเพราะเรือประสบปัญหาบางประการซึ่งร้ายแรงเสียจนต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์
ทีนี้ถ้าเปลี่ยนเครื่องยนต์อย่างเดียวโดยไม่แก้ไขทุกอย่างให้เรียบร้อย
ใช้งานต่ออีกไม่กี่ปีอาจเกิดปัญหาเดิมซ้ำรอยให้เจ็บช้ำน้ำใจ บริษัทผู้ผลิตจึงอาจแนะนำว่าสมควรเปลี่ยน
xxx
นะ แล้วนำ yyy มาทำอย่างโน้นอย่างนี้นะ
ต่อด้วยโม zzz ให้เป็นโน่นนั่นนี่นะ เรือยูถึงใช้งานได้ตามปรกติทราบแล้วเปลี่ยน
ราคาที่เพิ่มขึ้นจาก
240.75 ล้านบาทเป็น 280 ล้านบาท หากซ่อมแล้วเรือใช้งานได้ตามปรกติถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้าซ่อมแล้วเรือยังไม่ปรกติวุ่นวายแน่
ผู้เขียนหวังว่าจะไม่เกิดเหตุไม่พึงประสงค์นะครับ
บทสรุปปิดท้าย
โครงการทั้งสามประกอบไปด้วย
เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงนเรศร และเรือ ต.992 ในปีงบประมาณ 2569 กรมอู่ทหารเรือกำหนดให้อยู่ในลำดับต้นๆ
ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าไม่น่ามีปัญหาจนต้องเลื่อนโครงการออกไปอีกครั้ง
การปรับปรุงซ่อมแซมต้องสำเร็จลุล่วงภายในปี 2569 อย่างแน่นอน
ให้บังเอิญความแน่นอนคือความไม่แน่นอน
มนุษย์ตัวเล็กตัวน้อยทุกคนไม่อาจคาดเดาอนาคตภายภาคหน้า
อาจมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนก็เป็นได้
ผู้เขียนขอดีใจกับเรือทั้งสามลำเพียงครึ่งหนึ่งก่อน
อีกครึ่งหนึ่งไว้รอดีใจตอนเรือซ่อมเสร็จ
++++++++++++
อ้างอิงจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น