ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614
ระหว่างงานเฉลิมฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์
200
ปีเมื่อวันที่ 9-11 เมษายน 2525 กระทรวงกลาโหมได้จัดแสดงนิทรรศการทางทหารบริเวณสนามเสือป่า
หน่วยงานต่างๆของสามเหล่าทัพนำผลงานการพัฒนามาตั้งแสดงให้ประชาชนได้เยี่ยมชม
รวมทั้งยานลำเลียงพลหุ้มเกราะคันต้นแบบอันเป็นผลงานกรมสรรพาวุธทหารบก
การพัฒนา
ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะซึ่งประกอบเสร็จเรียบร้อยและนำมาจัดแสดง
นำแผนแบบมาจากยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ 6614
จากบริษัทเฟียต-โอโตเมลาราแห่งประเทศอิตาลี
โครงการนี้เป็นไปตามนโยบายยืนอยู่บนขาตัวเองอย่างแท้จริง
ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะเป็นสิ่งที่กองทัพไทยทั้งสามเหล่าทัพต้องการเป็นจำนวนมาก
การที่คิดแต่จะซื้อสำเร็จรูปมาใช้งานเพียงอย่างเดียวเหมือนที่เคยทำ
ประเทศไทยต้องประสบปัญหาและอุปสรรคมากมาย
ทั้งเสียเงินซื้ออาวุธมาใช้งานและต้องพึ่งพาต่างชาติในการซ่อมบำรุง
ถ้าไม่มีงบประมาณอาจต้องปลดประจำการอาวุธกลายเป็นเศษเหล็กไร้ค่า
วิธีการแก้ไขปัญหาเราต้องมีทหารช่างฝีมือเก่งกล้า
มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญในการดูแลอาวุธทันสมัยราคาแพง จึงมีโครงการพัฒนายานลำเลียงพลหุ้มเกราะด้วยตัวเอง
ในการปฏิบัติจริงมีทางเลือกสองทางประกอบไปด้วย
1.ลงมือศึกษา
ทำแผนแบบ และสร้างยานลำเลียงพลหุ้มเกราะด้วยตัวเองทั้งหมด
2.ซื้อความรู้โดยการนำแผนแบบยานลำเลียงพลหุ้มเกราะต่างชาติมาสร้างเอง
เมื่อตกลงปลงใจจะใช้วิธีการที่สองในการพัฒนายานลำเลียงพลหุ้มเกราะคันต้นแบบ
กรมสรรพาวุธทหารบกต้องหาหนทางขึ้นโครงการโดยใช้งบประมาณน้อยที่สุด
ตอนนั้นเองบริษัทเฟียต-โอโตเมลาราจากอิตาลียื่นข้อเสนอเข้ามาว่า
บริษัทจะให้เปล่าแผนแบบยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ 4414 หรือ 6614
และยินดีให้นายทหารช่างกองทัพบกเดินทางไปดูงานและฝึกศึกษาที่ประเทศอิตาลี
บริษัทจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยความเต็มใจ
นอกจากให้แผนแบบและให้ศึกษาการประกอบในโรงงาน
บริษัทเฟียต-โอโตเมลารายังให้เปล่าส่วนประกอบยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614 จำนวน 1 คัน รวมทั้งจัดส่งวิศวกรมาให้คำแนะนำหรือฝึกสอนเท่าที่จำเป็นแก่ทหารช่างไทยโดยไม่ต้องเสียเงิน
โครงการสร้างและประกอบยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614 จึงเริ่มเดินหน้าเต็มกำลัง โดยมีร้อยเอกอภิชาต
พิมสุวรรณเป็นนายทหารดูแลโครงการ
คุณลักษณะโดยทั่วไป
ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614 หรือ CM6614 จัดเป็นยานลำเลียงพลหุ้มเกราะขนาดเบาสะเทินน้ำสะเทินบก
ออกแบบมาเพื่อลำเลียงพลหรือยุทโธปกรณ์ หนักประมาณ 8.5 ตัน
ยาว 5.86 เมตร กว้าง
2.5 เมตร สูง 1.78 เมตร ความเร็วสูงสุดประมาณ
100 กิโลเมตร ระยะปฏิบัติการไกลสุดประมาณ 700 กิโลเมตร มีใช้งานหลายประเทศรวมทั้งเกาหลีใต้ซึ่งได้ลิขสิทธิ์สร้างเองเหมือนประเทศไทย
บริษัทเฟียต-โอโตเมลาราติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ IVECO
Model 8062.24 ให้กำลัง 160 แรงม้าที่ 3,200
รอบ ใช้ระบบถ่ายแรงขับเคลื่อนสมบูรณ์แบบ ทำงานเป็นอิสระแยกจากกันระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง
ยานเกราะจากอิตาลีเคลื่อนที่ได้ทุกสภาพถนน ไต่ทางลาดระดับ 60 องศาได้โดยไม่มีปัญหา วิ่งได้อย่างราบรื่นแม้ในเส้นทางทุรกันดาร
การทรงตัวดีเยี่ยมแตกต่างจากยานเกราะรุ่นเก่าซึ่งทั้งแข็งทั้งอันตราย
ท้องยานออกแบบให้แบนราบอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าเพลาขับ
ไม่มีส่วนประกอบใดๆ โผล่ออกมาจากใต้ท้อง การเคลื่อนที่ข้ามสิ่งกีดขวางจึงเป็นไปอย่างสะดวกราบรื่น
โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดความเกิดเสียหายต่อตัวถังหรือช่วงล่าง
เพิ่มความมั่นใจให้กับทหารและพลประจำรถเมื่อออกปฏิบัติการในพื้นที่ห่างไกล
ตัวยานประกอบขึ้นด้วยเหล็กหล่อเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น
ป้องกันกระสุนปืนเล็กยาวได้ไม่ว่าถูกยิงจากมุมไหน
ป้องกันอันตรายจากระเบิดสังหารบุคคลได้
เป็นยานสะเทินน้ำสะเทินบกที่แท้จริงโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริม
ติดเครื่องสูบน้ำสำหรับสูบน้ำทิ้งในกรณีเกิดรอยรั่วบริเวณใต้ท้อง มีระบบแรงดันลมป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่ชิ้นส่วนต่างๆ
ของยาน
ของดีจากอิตาลีมีทางเข้าออกภายในรถมากถึง
3
จุด ได้แก่ ประตูหลังขนาดใหญ่ควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิก
ในกรณีฉุกเฉินสามารถเปิดปิดด้วยมือตามปรกติ รวมทั้งประตูทางเข้าด้านข้างทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
การเข้าออกยานเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว พลขับมีทางเข้าออกพิเศษเหนือศ๊รษะตัวเอง
ติดอุปกรณ์ทัศนวิสัยพิเศษสำหรับการขับเคลื่อนยานตอนกลางคืนโดยไม่เปิดไฟหน้า
การจัดกำลังพลในรถได้มากสุด
11
นาย ประกอบไปด้วยพลขับ 1 นาย
พลประจำปืนกลบนหลังคา 1 นาย ผู้บังคับรถ 1 นาย และทหารพร้อมอาวุธอีก 8 นาย ทหารทุกนายทำการรบได้ทั้งจากภายในยานและนอกตัวยาน
ติดช่องกระจกป้องกันกระสุนขนาดเล็กรอบคันเพื่อตรวจการณ์ เมื่อต้องการใช้อาวุธให้สอดปากกระบอกปืนในช่องวงกลมใต้กระจก
ซึ่งถูกออกแบบให้เปิดได้จากภายในรถเพียงอย่างเดียว
นำยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614 มาเปรียบเทียบกับคู่แข่ง พบว่าสินค้าจากอิตาลีความสูงน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเทียบเท่ายานลำอื่น
การออกแบบให้เกราะบริเวณข้างลำตัวทำมุมลาดเอียง
ยังช่วยให้ยานทนทานต่อการทะลุทะลวงของกระสุนปืนมากขึ้นกว่าเดิม
ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614 ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ง่ายต่อการลำเลียงโดยเฮลิคอปเตอร์หรืออากาศยาน เครื่องบินลำเลียง
C-130 กองทัพอากาศสามารถบรรทุกได้ครั้งละ 2 คันพร้อมอาวุธเต็มอัตรา ลำเลียงด้วยรถไฟชานต่ำได้ ลำเลียงด้วยรถพ่วงได้
มีความอ่อนตัวเหมาะสมกับทุกเส้นทางขนส่งในประเทศไทย
ภารกิจหลัก
ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614 นอกจากใช้ในการลำเลียงทหาร
ยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการอาทิเช่น ใช้เป็นยานรถทหารราบยานยนต์
ใช้เป็นยานเกราะลาดตระเวน ใช้เป็นยานเกราะตรวจการณ์ระยะไกล
ใช้เป็นยานเกราะลำเลียงกระสุนหรือวัตถุระเบิด
ซึ่งต้องการความปลอดภัยจากการโจมตีมากกว่าเดิม
นอกจากใช้งานในปฏิบัติการภารกิจทางทหาร
ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ 6614
ยังตอบสนองงานราชการของตำรวจได้เป็นอย่างดี ทั้งปฏิบัติการควบคุมและปราบจลาจล
ตรวจการณ์ในพื้นที่อันตราย และงานคุ้มครองป้องกันภัยให้กับประชาชน
ในกรณีนำยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614 มาใช้งานเป็นยานเกราะพยาบาลหรือลำเลียงยุทธปัจจัย
สามารถถอดป้อมปืนกลหนักขนาด 12.7 มม.บนหลังคาออก
เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกและเพิ่มความสะดวกสบายในการปฏิบัติภารกิจรถพยาบาล
บทสรุปปิดท้าย
ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบ
6614 ถูกประกอบขึ้นมาเพียงคันเดียว
หลังจากนั้นโครงการก็เงียบหายไปพร้อมสายลมและสองเรา บริษัทบริษัทเฟียต-โอโตเมลาราซึ่งตั้งใจทำกำไรจากการขายอะไหล่และอื่นๆ ได้พลอยสูญหายตามกัน
แต่เป็นเพราะเหตุใดโครงการถึงไม่ได้ไปต่อผู้เขียนไม่มีข้อมูลไม่กล้ายืนยัน
อ้างอิงจาก
นิตยสารสงครามฉบับที่ 128 วันที่ 10 พฤษภาคม 2525
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น