วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Multi-Mission Patrol Boat

           นี่คือบทความ What If ประจำปี 2024 ของผู้เขียน ผู้อ่านคนไหนยึดมั่นอยู่กับความจริงขอแนะนำให้ข้ามไปอ่านเรื่องอื่น ไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้าสู่เนื้อหารายละเอียดกันเลย

บทนำ

ปัจจุบันเรือตรวจการณ์ปืนชั้นเรือหลวงสัตหีบจำนวน 6 ลำมีอายุประจำการตั้งแต่ 38 ปีถึง 41 ปี เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้นเรือหลวงคำรณสินธุจำนวน 3 ลำมีอายุประจำการ 32 ปี และเรือตรวจการณ์ปืนชั้นเรือหลวงหัวหินจำนวน 3 ลำมีอายุประจำการ 23 ปี อนาคตเรือทั้ง 12 ลำต้องทยอยปลดประจำการและสร้างเรือใหม่ทดแทน บริษัท Damen มองเห็นช่องทางรวยจึงนำเสนอแบบเรือตรวจการณ์อเนกประสงค์กับราชนาวีไทย

แบบเรือที่ถูกนำเสนอชื่อ MMPB 6410 ย่อจากคำว่า Multi-Mission Patrol Boat วิศวกรบริษัท Damen นำแบบเรือคอร์เวต SIGMA 5910 มาปรับปรุงใหม่กลายเป็นเรือตรวจการณ์ทันสมัย เรือมีระวางขับน้ำประมาณ 700 ตัน ยาว 63.94 เมตร กว้าง 10.20 เมตร กินน้ำลึก 3.12 เมตร ใช้ระบบเคลื่อน CODAD ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล MAN จำนวน 3 ตัว ความเร็วสูงสุด 26 นอต ระยะปฏิบัติการไกลสุด 2,200 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 15 นอต

แบบเรือ MMPB 6410 ใช้รูปทรงลดการตรวจจับจากเรดาร์ในระดับหนึ่ง เนื่องจากกองทัพเรือกำหนดแผนระยะยาวประจำการเรือฟริเกตจำนวน 8 ลำ บวกเรือตรวจการณ์ไกลอีกจำนวน 12 ลำ เท่ากับว่าราชนาวีไทยมีเรือใหญ่ทำหน้าที่รับแขกมากถึง 20 ลำ เรือตรวจการณ์อเนกประสงค์จึงกำหนดให้ติดอาวุธป้องกันตัวจากภัยคุกคามทั่วไป

หัวเรือติดตั้งราวกันตกแบบทึบครึ่งหนึ่งแบบโปร่งครึ่งหนึ่ง ติดตั้งปืนกลอัตโนมัติ DS30M Mark 2 ขนาด 30 มม.เป็นปืนหลัก สามารถใช้งานปืนกลอัตโนมัติขนาด 40 มม.ได้โดยไม่ต้องปรับปรุงเรือ เหตุผลที่ตัดปืนใหญ่ OTO 76/62 Super Rapid ออกเพราะราคาค่อนข้างแพง เทียบกับค่าเงินบาทในปัจจุบันกระบอกละ 400 ล้านบาท ซื้อ 12 กระบอกเป็นเงิน 4,800 ล้านบาทหนักหนาสาหัสเกินไป โครงการนี้ DS30M Mark 2 วิ่งเข้าวินโดยไม่มีคู่แข่งสักรายรบกวนจิตใจ

สะพานเดินเรือรูปทรงแปดเหลี่ยมตามสมัยนิยม เก๋งเรือค่อนข้างยาวมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าเรือตรวจการณ์รุ่นเก่า กลางเรือมีพื้นที่ว่างรองรับเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษจำนวนหนึ่ง ราวกันตกดาดฟ้าเรือชั้นสองและท้ายเปลี่ยนเป็นรุ่นทึบ เพราะเรือขนาดใหญ่กว่าเดิมจึงทนคลื่นลมแรงดีกว่าเดิม สามารถปฏิบัติการในเขตน้ำตื้นได้ตามปรกติ

เพราะต้องจัดหาระบบอำนวยการรบมาใช้งานจำนวนค่อนข้างมาก กองทัพเรือจึงถือโอกาสพัฒนาระบบอำนวยการรบรุ่นใหม่ โดยซื้อลิขสิทธิ์ระบบอำนวยการรบ C-Flex จากบริษัท TERMA ประเทศเดนมาร์ก นำมาปรับปรุงให้เหมาะสมความต้องการและเข้ากันได้กับระบบดาต้าลิงก์พัฒนาเองกลายเป็น TCombat Mk 1 ระบบอำนวยการรบแห่งประเทศไทย เมื่อพัฒนาเสร็จจึงนำมาติดตั้งบนเรือตรวจการณ์ ต.997 .998 .114 และ ต.115 ใช้เป็นเรือทดสอบเพื่อกำจัดจุดอ่อนอันเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

เท่ากับว่ากองทัพเรือต้องการ TCombat Mk 1 จำนวน 12+4=16 ระบบ ในอนาคตถ้ามีการสร้างเรือตรวจการณ์หรือเรือยกพลขึ้นบกทั้ง LST และ LPD กองทัพเรือจะเลือกใช้งาน TCombat Mk 1 ไม่สนใจ TATICTOS ของบริษัท Thales เพราะมีราคาแพงเกินไป

ระบบเรดาร์บนเรือประกอบไปด้วย เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ TERMA Scantner 4100 จำนวน 1 ตัวบนยอดเสากระโดง เรดาร์เดินเรือจำนวน 2 ตัวกลางเสากับปีกซ้ายเสากระโดง ออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง TERMA C-Fire มีกล้องตรวจการณ์ออปโทรนิกส์อีก 1 ตัวหน้าเรดาร์ Scantner 4100 ข้างเสากระโดงติดตั้งปืนกลขนาด 12.7 มม.จำนวน 2 กระบอก ที่ว่างกลางเรือสามารถติดตั้งแท่นยิงเป้าลวงหรืออุปกรณ์ส่งเสียงรบกวนระยะไกล LRAD และโดยปรกติจะใช้เป็นจุดรับ-ส่งสิ่งของกลางทะเลจากเรือลำอื่น

ปล่องระบายความร้อนขนาดกำลังเหมาะสมคือสิ่งเพิ่มเติมเข้ามา สองกราบเรือติดตั้งแพชูชีพฝั่งละ 2 ตัว ถัดไปคือปืนกลอัตโนมัติขนาด 20 มม.รุ่น Nexter Narwhal ใช้เป็นปืนรอง เพราะมีน้ำหนักเบากว่าและราคาถูกกว่า DS30M Mark 2 ท้ายเรือกราบขวาติดตั้งเครนเดวิดกับเรือยางท้องแข็งลำใหญ่ขนาด 6.8 เมตร ท้ายเรือกราบซ้ายติดตั้งเครนอเนกประสงค์ขนาด 3.2 ตันกับเรือยางท้องแข็งลำเล็กขนาด 3.5 เมตร ถัดจากจุดรับส่งเรือเล็กคือพื้นที่อเนกประสงค์ขนาด 11.5x9 เมตร ซึ่งจะช่วยให้เรือทำภารกิจได้อย่างหลากหลาย

ประสิทธิภาพเรือ

        ภารกิจต่างๆ ที่เรือตรวจการณ์อเนกประสงค์ลำนี้ทำได้มีรายละเอียดดังนี้

1.ลาดตระเวนตรวจการณ์

เรือเดินทางไปทำภารกิจโดยไม่ติดออปชันเสริม พื้นที่ว่างท้ายเรือใช้เป็นลานจอดอากาศยานไร้คนขับปีกหมุนรุ่น S100 หรือ MARCUS-B รวมทั้งอากาศยานไร้คนขับปีกแข็งรุ่น Scan Eagle พร้อมอุปกรณ์รับส่งแบบครบเซต

2.ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล

นอกจากใช้พื้นที่ท้ายเรือในการอพยพผู้ประสบภัยตามเกาะแก่งต่างๆ ยังสามารถใช้เครนขนาด 3.2 ตันจัดเก็บของกิน ของใช้ น้ำดื่ม เสื้อผ้า ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์

3.วางทุ่นระเบิด

เรือสามารถติดตั้งรางปล่อยทุ่นระเบิดจำนวน 2 ราง บรรทุกทุ่นระเบิดปราบเรือดำน้ำได้ประมาณ 20 นัด

4.ป้องปรามเรือดำน้ำ

การติดตั้งระเบิดลึกปราบเรือดำน้ำใช้หลักการเดียวกับภารกิจวางทุ่นระเบิด สามารถติดตั้งรางระเบิดลึกจำนวน 2 รางกับเครื่องยิงระเบิดลึกจำนวน 2 ตัว

5.กวาดทุ่นระเบิด

เรือจะติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตจำนวน 2 ใบตามภาพประกอบที่สอง ใบแรกจัดเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ใบที่สองใช้เป็นห้องควบคุม การรับส่งยานใต้น้ำชนิดต่างๆ ใช้เครนพับเก็บได้กราบซ้ายเรือ ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์แล้วยังเหลือพื้นที่ว่างจำนวนหนึ่ง

6.สำรวจทางอุทกศาสตร์

ใช้หลักการเดียวกับภารกิจกวาดทุ่นระเบิด

7.โรงพยาบาลฉุกเฉิน

ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตจำนวน 2 ใบใช้เป็นห้องตรวจกับห้องผ่าตัด

8.ลำเลียงเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ

ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตจำนวน 2 ใบใช้เป็นห้องพักเพิ่มเติม

9.ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าทำภารกิจ

กราบขวาติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตใช้เป็นห้องพักที่สองหรือห้องประชุม กราบซ้ายจัดเก็บอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมกับเรือยางท้องแข็งขนาด 3.5 เมตรอีก 2 ลำ ใช้เป็นพาหนะนำเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าสู่พื้นที่ทำภารกิจ

10.ปราบเรือผิวน้ำ

        ปราบเรือผิวน้ำไม่ใช่ภารกิจหลักของเรือตรวจการณ์ MMPB 6410 กองทัพเรือมีเรือฟริเกตจำนวน 8 ลำกับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งจำนวน 12 ลำในการรับมือภัยคุกคาม กรณีเร่งด่วนยังสามารถขอกำลังสนับสนุนจากกองทัพอากาศ ให้ส่งเครื่องบินขับไล่มาไล่ยิงถล่มเรือฝ่ายตรงข้ามจนย่อยยับอับปาง แต่ถึงกระนั้นบริษัท Damen ยังได้นำเสนอการปรับปรุงเรือรองรับภารกิจปราบเรือผิวน้ำจำนวน 2 แบบตามภาพประกอบที่สาม

        10.1 ติดตั้งแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบจำนวน 4-8 นัด เป็นวิธีการง่ายๆ โดยใช้พื้นที่อเนกประสงค์ท้ายเรือ ติดตั้งแล้วยังเหลือพื้นที่ใช้งานท้ายเรือจำนวนหนึ่ง แต่เรือต้องปรับปรุงหลายอย่างเพื่อรองรับการใช้งานอาวุธปล่อยนำวิถี อาทิเช่นติดตั้งคอนโซลควบคุมการยิงในห้องยุทธการ ปรับปรุงระบบอำนวยการรบให้รองรับการใช้งาน เปลี่ยนมาใช้งานเรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติรุ่นใหม่ราคาแพง ติดตั้งระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์และแท่นยิงเป้าลวง ถ้าอาวุธปล่อยนำวิถีใช้งานระบบดาต้าลิงก์ได้ต้องติดตั้งเสาอากาศเพิ่ม

        การปรับปรุงส่งผลให้ราคาเรือเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตัว 

        10.2 ใช้ยานเกราะล้อยาง 8x8 ติดตั้งแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น Spike NLOS ขนาด 4 ท่อยิง นำรถหุ้มเกราะมาจอดท้ายเรือแล้วยึดกับตัวเรือไว้อย่างแน่นหนา เวลาใช้งานพลยิงจะรับข้อมูลทิศทางเป้าหมายจากพลเรดาร์ประจำเรือ ก่อนใช้เลเซอร์ล็อกเป้าหมายแล้วยิง Spike NLOS ใส่เป้าหมายระยะทางไกลสุด 32 กิโลเมตร

        เป็นวิธีการง่ายๆ ไม่ยุ่งยากไม่ต้องปรับปรุงเรือ ประสิทธิภาพแค่พอกล้อมแกล้มไม่ถึงกับดียอดเยี่ยม การติดตั้งจริงต้องเลือกว่าจะใช้แท่นยิงหรือรถหุ้มเกราะอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้เขียนแค่ทำภาพเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างอาวุธสองชนิด

        11.ป้องกันภัยทางอากาศ

        ใช้หลักการเดียวกับภารกิจปราบเรือผิวน้ำ 10.2 โดยนำระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ Avenger มาใช้งานบนเรือตามภาพประกอบที่สี่ เป็นรถหุ้มเกราะ 4x4 ขนาดเล็กติดตั้งแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน FIM-92 Stinger ระยะยิง 5 กิโลเมตรจำนวน 8 ท่อยิง สำหรับจัดการอากาศยานไร้คนขับทุกชนิดและเฮลิคอปเตอร์ซึ่งมีความเร็วต่ำ เวลาใช้งานพลยิงจะรับข้อมูลทิศทางเป้าหมายจากพลเรดาร์ประจำเรือ

        ปืนกลขนาด 30 มม.กับ 20 มม.จัดการจัดการอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กได้เช่นกัน เพียงแต่กระสุนปืนรุ่นปรกติไม่มีระบบนำวิถี โอกาสยิงถูกเป้าหมายขนาดเล็กที่ระยะ 4 กิโลเมตรแทบเป็นไปได้ ปล่อยให้เป้าหมายเข้าใกล้มากกว่านี้ก็อาจเป็นอันตรายต่อเรือและสถานที่ จำเป็นต้องใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ Avenger ช่วยปิดช่องว่าง

        12.ปราบเรือดำน้ำ

        ภารกิจนี้ต้องปรับปรุงเรือตรวจการณ์ MMPB 6410 ค่อนข้างมากตามภาพประกอบที่ห้า เริ่มจากปรับปรุงระบบอำนวยการรบ TCombat Mk 1 ให้รองรับการทำสงครามใต้น้ำ เรดาร์ตรวจการณ์ 2 มิติ TERMA Scanter 6002 ติดจานใบเล็กด้านบนเพื่อใช้งานระบบพิสูจน์ฝ่ายหรือ IFF ที่ว่างกลางเรือติดตั้งแท่นยิงเป้าลวงขนาด 130 มม.รุ่นหกท่อยิงจำนวน 2 แท่นยิง ท้ายเรือติดตั้งแท่นยิงแฝดสามสำหรับตอร์ปิโดเบาปราบเรือดำน้ำ Mk 54 รวมทั้งเลือกว่าจะติดตั้งโซนาร์หัวเรือขนาดเล็กซึ่งในปัจจุบันหาค่อนข้างยาก หรือเลือกใช้งานโซนาร์ลากจูงขนาดเล็กจากบริษัทนอร์เวย์ซึ่งใช้งานในเขตน้ำตื้นได้อย่างดีเยี่ยม

        เนื่องจากท้ายเรือค่อนข้างสูงตามสมัยนิยม การจัดเก็บโซนาร์ลากจูง VDS ใช้วิธีเจาะช่องท้ายเรือโดยไม่ปิดด้านบน ตัดปัญหาลูกเรือสร้างความเสียหายต่อโซนาร์โดยไม่ได้ตั้งใจ

        เรือตรวจการณ์ MMPB 6410 เวอร์ชันปราบเรือดำน้ำจะมีการสร้างอย่างแน่นอน

การสร้างเรือในประเทศตามโครงการ

        บริษัท Damen ไม่มีอู่ต่อเรือในประเทศจำเป็นต้องหาบริษัทคู่ค้าร่วม พวกเขาติดต่อบริษัทมาร์ซันกับบริษัทซีเครสท์มารีนจนได้ข้อตกลงร่วมกัน จึงนำเสนอข้อมูลเรื่องระยะเวลากับจำนวนเรือต่อคณะกรรมการคัดเลือกแบบเรือตามภาพประกอบที่หก

1.เรือตรวจการณ์ MMPB 6410 เฟสแรกจำนวน 6 ลำใช้เวลาสร้าง 6 ปี

เรือหนึ่งลำใช้เวลาสร้าง ทดสอบ จนกระทั่งพร้อมเข้าประจำการเป็นเวลา 3 ปี บริษัทมาร์ซันสร้างเรือพร้อมกันได้จำนวน 2 ลำ บริษัทซีเครสท์มารีนสร้างเรือได้จำนวน 1 ลำ เวลา 3 ปีสร้างเรือได้จำนวน 3 ลำ ฉะนั้นเรือ 6 ลำใช้เวลาสร้าง 6 ปี โดยเรือ 3 ลำแรกประจำการแทนเรือตรวจการณ์ปืนชั้นเรือหลวงสัตหีบชุดที่ไม่ได้ปรับปรุงเรือ เรือ 3 ลำหลังประจำการแทนเรือชั้นเรือหลวงสัตหีบชุดที่มีการปรับปรุงเรือ

เหตุผลที่ต้องกระจายงานเนื่องจากอู่ต่อเรือในประเทศไทยขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่อาจมอบพื้นที่สร้างเรือทั้งหมดของตัวเองให้กับโครงการ จึงแบ่งให้มาร์ซันสร้าง 2 ลำซีเครสท์มารีนสร้างอีก 1 ลำ ก่อนที่บริษัท Damen จะส่งมอบเรือสร้างเสร็จต่อไปยังกองทัพเรือ

2.เรือตรวจการณ์ MMPB 6410 เฟสสองจำนวน 3 ลำใช้เวลาสร้าง 5 ปี

เรือเฟสสองเป็นรุ่นปราบเรือดำน้ำราคาแพงกว่ารุ่นปรกติ โครงการจะหยุดสร้างเรือ 2 ปีให้อู่ต่อเรือเคลียร์งานตัวเองทั้งหมด และให้กองทัพเรือแบ่งงบประมาณไปดูแลส่วนอื่น จากนั้นจึงให้มาร์ซันสร้าง 2 ลำซีเครสท์มารีนสร้างอีก 1 ลำภายในเวลา 3 ปี นำมาทดแทนเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชั้นเรือหลวงคำรณสินธุ

3.เรือตรวจการณ์ MMPB 6410 เฟสสองจำนวน 3 ลำใช้เวลาสร้าง 5 ปี

เรือเฟสสองกลับมาเป็นเวอร์ชันปรกติอีกครั้ง ใช้แผนเดิมหยุดสร้าง 2 ปีแล้วให้มาร์ซันสร้าง 2 ลำซีเครสท์มารีนสร้างอีก 1 ลำภายในเวลา 3 ปี นำมาทดแทนเรือตรวจการณ์ปืนชั้นเรือหลวงหัวหินเป็นอันจบโครงการใช้เวลา 16 ปี

เพื่อนๆ สมาชิกอาจมีข้อสงสัยในใจว่า เรือตรวจการณ์ปืนชั้นเรือหลวงหัวหินอายุประจำการเพียง 23 ปีทำไมรีบปลด เหตุผลก็คือโครงการใช้เวลารวมทั้งหมด 16 ปี กว่าจะส่งมอบเรือเฟสสามเรือตรวจการณ์ปืนชั้นเรือหลวงหัวหินจะมีอายุ 23+16=39 ปี

นี่คือเหตุผลในการวางแผนระยะยาวสร้างเรือตรวจการณ์ 12 ลำในเวลา 16 ปี

คุยกันปิดท้าย

โครงการเรือตรวจการณ์อเนกประสงค์เป็นอะไรที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เหมาะสมกับการดำเนินงานจริงได้ผลสำเร็จจริงตามความตั้งใจ แบบเรือไม่มีความซับซ้อนอู่ต่อเรือทุกแห่งในประเทศสร้างได้ ถ้ากองทัพเรือทำได้จริงซึ่งผู้เขียนคิดว่าทำได้แน่นอน จะเป็นประโยชน์ต่อโครงการเรือฟริเกตและโครงการเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งไม่มากก็น้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น