Chalawan class กาลครั้งหนึ่งของหัวใจ
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 หนังสือพิมพ์
Posttoday รายงานข่าวว่า นาวาเอก สัตยา จันทรประภา รอง
ผบ.โรงเรียนนายทหารเรือขั้นต้น กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็ก เปิดเผยว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีแนวคิดให้กองทัพเรือวิจัยสร้าง
เรือดำน้ำขนาดเล็ก โดยกองทัพเรือได้เริ่ม โครงการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 โดยมีทหารเรือ 25 นายที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ
ด้าน สถาปนิกทหารเรือ และสาขาอื่นเข้าร่วม
ที่ผ่านมาทีมงานได้ไปอบรมที่ประเทศอังกฤษมาแล้ว
และมีทีมที่ปรึกษาจากอังกฤษให้ข้อเสนอแนะในการวิจัยและพัฒนา
โครงการนี้ได้ใช้งบประมาณวิจัยประมาณ 193 ล้านบาท ใช้เวลาในการออกแบบ 4 ปี ใช้เวลาสร้าง 2 ปี และใช้เวลาฝึกเจ้าหน้าที่ 1
ปี รวมทั้งหมดเท่ากับ 7 ปี
คาดว่าจะทราบราคาในการสร้างเมื่อออกแบบเสร็จแล้ว
โดยประเมินในเบื้องต้นว่าต้องใช้งบประมาณใกล้เคียงหนึ่งพันล้านบาท
คณะนักวิจัยตั้งชื่อเรือดำน้ำขนาดเล็กอย่างไม่เป็นทางการว่า
'ชาละวันคลาส' Chalawan
class โดยมีระวางขับน้ำ 150-300 ตัน ใช้กำลังพลประจำเรือ 10 นาย ระยะปฏิบัติการ 300
ไมล์ทะเล
จากข่าวนี้ผู้อ่านหลายคนจินตนาการไปไกลจนถึงขั้นที่ว่า
ประเทศไทยสามารถสร้างเรือดำน้ำขนาดใกล้เคียง Type
206A ติดระบบโซนาร์และตอร์ปิโดขนาด 533 มม.สำหรับยิงทำลายเรือผิวน้ำ
ส่งผลให้กองทัพเรือมีความเข้มแข็งมากกว่าเดิมโดยใช้งบประมาณเพียงน้อยนิด
ถือเป็นโครงการที่ดีมากโครงการหนึ่งทุกคนจึงพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
ข้อเท็จจริงของโครงการ
วารสารกรมอู่ทหารเรือ ฉบับ ประจำปี ๒๕๖๒
ลงบทความ 'โครงการวิจัยเรือดําน้ำขนาดเล็กของกองทัพเรือ
(Midget Submarine)' เขียนโดยคณะนักวิจัยโครงการวิจัยและพัฒนาสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็ก
มีข้อเท็จจริงของโครงการซึ่งน่าสนใจมากดังต่อไปนี้
จากการประเมินสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงทางทะเล
เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์กองทัพเรือในห้วง 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2558–2567)
พบว่าปัญหาความขัดแย้งในเรื่องการอ้างสิทธิ์พื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ที่มีประเทศในกลุ่มอาเซียนหลายประเทศเป็นคู่กรณีพิพาท
ทวีความรุนแรงขึ้นและมีแนวโน้มการพัฒนากำลังทางเรือในภูมิภาคเป็นไปอย่างรวดเร็ว
การพัฒนาขีดความสามารถสงครามใต้น้ำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติยังคงมีความจำเป็น
กองทัพเรือจึงได้กำหนดความต้องการเรือดำน้ำ/ยานใต้น้ำขนาดเล็ก
เพื่อใช้ในการปฏิบัติการหาข่าวทางลับและการปฏิบัติการโจมตีใต้น้ำ
เพื่อเพิ่มเติมขีดความสามารถในการทำสงครามใต้น้ำให้ได้อย่างสมบูรณ์
เนื่องจากวิทยาการเรือดำน้ำเป็นองค์ความรู้ที่ประเทศผู้ผลิตจะเก็บรักษาเป็นความลับสูงสุด
ในบางสถานการณ์อาจมีข้อจำกัดไม่สามารถขอรับการศึกษาและขอรับทราบข้อมูล
กองทัพเรือจำเป็นต้องศึกษาวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ในการสร้างเรือดำน้ำขึ้นเอง
ประกอบกับกองทัพเรือมีประสบการณ์วิจัยสร้างยานใต้น้ำขนาดเล็กระวางขับน้ำประมาณ 30
ตันมาแล้ว
แสดงให้เห็นว่ากองทัพเรือมีความพร้อมในการต่อยอดองค์ความรู้ในการสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็กขั้นสูงขึ้นและนำไปสู่การพึ่งพาตนเอง
วัตถุประสงค์ของโครงการวิจัยและพัฒนาเรือสร้างดำน้ำขนาดเล็ก
1.ออกแบบต้นแบบเรือดำน้ำขนาดเล็กเพื่อใช้ในภารกิจของกองทัพเรือ
2.สร้างเรือดำน้ำขนาดเล็ก
สำหรับสนับสนุนปฏิบัติการทางเรือและปฏิบัติการพิเศษ
ระยะเวลาในการดำเนินการวิจัย
1.การเตรียมการและการออกแบบเบื้องต้น
(งบประมาณปี 60-63)
การดำเนินการในปีแรกประกอบไปด้วย
การเตรียมนักวิจัยให้มีความเชี่ยวชาญในวิทยาการออกแบบและสร้างเรือดำน้ำโดยการส่งนักวิจัยจำนวน
5 นาย เข้ารับการอบรมหลักสูตรการออกแบบเรือดำน้ำที่ University College
London ประเทศสหราชอาณาจักร เป็นระยะเวลา 9 สัปดาห์
ลักษณะการอบรมเป็นการเรียนในห้องเรียน 3 สัปดาห์ และการทำ workshop ซึ่งเป็นการออกแบบเรือดำน้ำเบื้องต้นตามโจทย์ที่ได้รับอีก 6 สัปดาห์
2.การสร้างเรือดำน้ำ
(งบประมาณปี 64-65)
จะมีการสร้างเรือดำน้ำตามแบบที่ได้จากขั้นที่
1 โดยการดำเนินการในขั้นนี้จะจัดทำแบบรายละเอียดเพื่อการสร้าง (Detail
Drawings) จัดหาพัสดุและอุปกรณ์ของระบบต่าง ๆ
การสร้างตัวเรือและติดตั้งอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ
โดยมีแผนการว่าจ้างที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเรือดำน้ำมาเป็นที่ปรึกษาโครงการฯ
เพื่อให้คำแนะนำและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างเรือดำน้ำให้แก่นักวิจัยฯ
รวมทั้งมีแผนการว่าจ้างสมาคมจัดชั้นเรือ (Classification Society) เพื่อควบคุมให้การสร้างเป็นไปตามมาตรฐาน
นอกจากนี้จะทำการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ประจำเรือในระหว่างการสร้าง
เพื่อให้กำลังพลรู้จักระบบและมีความชำนาญในการใช้และดูแลรักษาเรือต่อไป
3.การทดสอบเรือ
(งบประมาณปี 66)
เป็นการทดสอบทดลองเรือทั้งในท่า
(HAT) และในทะเล (SAT)
ดำเนินการทดสอบทดลองระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ขณะเรือจอดที่ท่าเรือ
เป็นขั้นตอนการดำเนินการภายหลังการประกอบ/ติดตั้งอุปกรณ์กับตัวเรือ
โดยจะทดสอบการทำงานของทุกระบบ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะทดลองในทะเลในขั้นต่อไป
สำหรับการทดลองในทะเลเป็นการตรวจสอบสมรรถนะและขีดความสามารถของเรือขณะปฏิบัติการในทะเล
ให้มีความสมบูรณ์ตรงตามความต้องการใช้งานที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการประกันความปลอดภัยในชีวิตของกำลังพลผู้ปฏิบัติงาน
รวมถึงการฝึกการใช้เรือและการปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย
แนวคิดการใช้เรือดำน้ำขนาดเล็ก
การกำหนดแนวคิดการใช้เรือดำน้ำขนาดเล็ก
สำหรับโครงการวิจัยและพัฒนาสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็กของ ทร.ในครั้งนี้
คณะนักวิจัยได้ดำเนินการจัดทำร่วมกับหน่วยใช้ประโยชน์โครงการวิจัยทั้งในระดับยุทธศาสตร์–ยุทธการ
และระดับยุทธการ–ยุทธวิธี ประกอบไปด้วย ยก.ทร. กดน.กร. กทบ.กร. และ นสร.กร.
เพื่อให้ผลงานวิจัยตอบสนองความต้องการของหน่วยใช้ประโยชน์และสามารถนำไปใช้ปฏิบัติงานได้อย่างแท้จริง
โดยมีรายละเอียดดังนี้
ภารกิจหลัก
1.ลาดตระเวนรวบรวมข่าวกรองทางเสียง (Acoustic Signature)
และข่าวกรองทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electromagnetic Signature)
2.รับ-ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษทางเรือแทรกซึมเข้าออกพื้นที่เป้าหมายสำคัญทางทหาร
แหล่งเศรษฐกิจที่มีที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลและในทะเล
ภารกิจรอง
1.สนับสนุนการฝึกยุทธวิธีเรือดำน้ำเบื้องต้น
และการฝึกยุทธวิธีปราบเรือดำน้ำ
2.สนับสนุนการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในทะเล
พื้นที่ปฏิบัติการ
ครอบคลุมพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งห่างจาก
ฐท.สส. ฐท.สข. และ ฐท.พง. ภายในรัศมีไม่เกิน 300 ไมล์ทะเล
คุณลักษณะและขีดความสามารถทางยุทธการ
ประเภท :
เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าขนาดเล็ก
ระวางขับน้ำ :
ประมาณ 300 ตัน
ความลึกปฏิบัติการสูงสุด
: 100 เมตร
ความเร็วสูงสุด
บนผิวน้ำ : ไม่ต่ำกว่า 8 นอต
ความเร็วสูงสุด
ใต้น้ำ : ไม่ต่ำกว่า 5 นอต
ปฏิบัติการใต้น้ำต่อเนื่อง
: ไม่ต่ำกว่า 14 ชั่วโมง ที่ความเร็ว 3 - 5 นอต
ระบบตรวจจับ :
กล้องตาเรือ (Periscope)
เรดาร์เดินเรือ
: (Navigation Radar)
ฟาสซีฟโซนาร์
: (Broadband Passive Sonar)
อุปกรณ์ตรวจจับ
วิเคราะห์ และ บันทึกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (ELINT)
ระบบอาวุธ :
ไม่มี
ระบบอื่น : ถังปรับความดันสำหรับรับ-ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษ
(LILO)
ปี 2561 คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณราว 193 ล้านบาท
การเตรียมการและการออกแบบเบื้องต้นโดยใช้เวลา 4 ปี ต่อมาในเดือนกันยายนกองทัพเรือเซ็นสัญญาด้านวิศวกรรมและบริหารความเสี่ยงกับบริษัท
BMT สหราชอาณาจักร
เพื่อสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็ก
แต่แล้วเมื่อวันเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งโครงการนี้ก็เงียบหายไป
ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน งบประมาณ 1,000 ล้านบาทในการวิจัยและพัฒนาสร้างเรือดำน้ำขนาด
300 ตันไม่ติดอาวุธ
ดูเหมือนจะเป็นโครงการที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัสเกินไป
ผลประโยชน์ที่ได้รับกลับคืนไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยสักเท่าไหร่ ตลาดส่งออกก็แทบไม่มีรองรับเพราะเป็นแบบเรือเฉพาะทาง
ครั้นจะพัฒนาต่อให้เป็นเรือดำน้ำติดอาวุธขนาดใหญ่กว่าเดิมทำภารกิจได้ดีกว่าเดิม
คาดว่างบประมาณในการวิจัยและพัฒนาต้องเพิ่มเลข 0 ต่อท้ายเข้าไปอีกหนึ่งตัว
หลายชาติมีโครงการสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็กมาเนิ่นนานแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
อาทิเช่นอินโดนีเซียซึ่งท้ายที่สุดหันมาพึ่งพาแบบเรือดำน้ำจากเยอรมัน
แต่แล้วก็บัวแล้งน้ำเนื่องจากรัฐบาลและกองทัพเรือไม่ให้สำคัญในลำดับต้นๆ
เพราะเป็นแบบเรือที่มีก็ได้ไม่มีก็ดีไว้มีเงินค่อยซื้อในภายหลัง
ไม่เหมือนโครงการเรือดำน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีความจำเป็นในการป้องกันประเทศมากกว่า
เมื่อใช้เวลาว่างทบทวนผลงานผู้เขียนมองเห็นความผิดพลาดระดับเลวร้าย
โครงการชาละวันตัวเองไม่ได้เขียนบทความหรือลงข่าวสารความเคลื่อนไหวแม้แต่ครั้งเดียว
วันนี้จึงขอบันทึกข้อมูลเก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ
กาลครั้งหนึ่งราชนาวีไทยริเริ่มโครงการวิจัยและพัฒนาสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็ก
แม้ในท้ายที่สุดจะถูกดองเค็มเหมือนหลายๆ โครงการก็ตาม
หมายเหตุ : โครงการที่ไปต่อไม่ได้จริงๆ
อย่าเสียใจหรือโทษโน่นนั่นนี่เลยครับ ประเทศอื่นก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่ไทยแลนด์เพียงชาติเดียว
สำหรับเราในตอนนี้มองอะไรที่สร้างง่าย ไม่ซับซ้อน พัฒนาเองได้จริง
ราคาไม่ถูกไม่แพง ค่าใช้จ่ายในการใช้งานไม่สูงเกินไปน่าจะเหมาะสมกว่า
รวมทั้งสานต่อสิ่งที่เราทำได้อยู่แล้วให้มั่นคงแข็งแกร่งกว่าเดิม
ยกตัวอย่างเช่นพยายามสนับสนุนการขายเรือตรวจการณ์ขนาดต่างๆ ให้กับลูกค้าต่างชาติ
เพราะเป็นสินค้าที่มีความต้องการจากทั่วโลกตลอดเวลา
บทความ 'โครงการวิจัยเรือดําน้ำขนาดเล็กของกองทัพเรือ
(Midget Submarine)'
http://www.dockyard.navy.mi.th/doced2/index.php/main/detail/content_id/61
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น