เรือหลวงหนองสาหร่าย
ปฏิบัติภารกิจเป็นวันที่ 5
ส่งยานล่าทำลายทุ่นระเบิดสำรวจพื้นที่รอบท่อส่งน้ำมัน
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
ในฐานะโฆษกกองทัพเรือได้เปิดเผยว่า กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคทื่ 1 ยังคงสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำมันดิบรั่วไหลที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
จังหวัดระยอง อย่างต่อเนื่องสำหรับวันนี้เป็นวันที่ 5
ของแผนปฏิบัติการ "ปิด-ดูด-อุด" ท่อน้ำมันรั่วใต้ทะเล
เรือหลวงหนองสาหร่าย กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ
ซึ่งได้สนับสนุนทัพเรือภาคที่ 1 ในการปฏิบัติภารกิจ
ได้ทำการส่งยานล่าทำลายทุ่นระเบิดใต้น้ำสำรวจใต้น้ำ ลงสำรวจท่อส่งน้ำมันบริเวณทุ่น
SMP ยังไม่พบความผิดปกติ
สำหรับทาง บ.SPRC
ได้เปิดเผยภารกิจจบลงที่ดูดน้ำมันค้างท่อ ได้ถึง 15,420 ลิตร จากที่คาดการณ์ไว้แต่เดิมว่ามีค้างท่อ 12,000
ลิตร เพราะมีน้ำมันค้างท่อมากเกินกว่าที่คาดการณ์
สรุปเนื้องาน คิดเป็น 40.2% จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 47.2% ของแผนงานโดยรวม
นอกจาก
เรือหลวงหนองสาหร่าย ที่ได้ปฏิบัติภารกิจในการส่งนักประดาน้ำ
และยานล่าทำลายทุ่นระเบิดทำการสำรวจใต้ทะเลแล้ว ทัพเรือภาคที่ 1 ยังได้จัดเรือหลวงแสมสาร และเรือ ต.237
คอยสนับสนุนในการลาดตระเวน
และการสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอีกด้วย
และจะร่วมสนับสนุนจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น
++++++++++++++++++++++++++++
ข้อมูลด้านบนคือข่าวสารประจำวันที่
27
กุมภาพันธ์ 2565 ของเว็บเพจกองเรือยุทธการ Royal
Thai Fleet กองทัพเรือส่งเรือหลวงหนองสาหร่ายสำรวจพื้นที่รอบท่อส่งน้ำมันเป็นวันที่
5 โดยใช้ยานล่าทำลายทุ่นระเบิด Seafox จากเยอรมันในการตรวจสอบท่อส่งน้ำมันใต้ทะเล
บทความนี้เรามาทำความรู้จักอุปกรณ์ชนิดนี้กันสักนิด
ยานล่าทำลายทุ่นระเบิด Seafox แห่งราชนาวีไทย มีชื่อเจ้าของและผู้ผลิตโชว์หราอย่างชัดเจนบนแพนหาง
ระหว่างปี 2530 ประเทศไทยเข้าประจำการเรือล่าทำลายทุ่นระเบิดชั้น M48 จากบริษัท Friedrich Lurssen Werft ประเทศเยอรมนีจำนวน
2 ลำ ประกอบไปด้วยเรือหลวงบางระจันหมายเลข 631 และเรือหลวงหนองสาหร่ายหมายเลข 632 เรือมีระวางขับน้ำเต็มที่
444 ตัน ยาว 48 เมตร กว้าง 9.3 เมตร กินน้ำลึก 2.75 เมตร ติดตั้งปืนกล GAM-BO1 ขนาด 20 มม.จำนวน 3 กระบอกไว้ป้องกันตัว ติดตั้งระบบอำนวยการรบ Atlas MWS-80R และโซนาร์ค้นหาทุ่นระเบิด Atlas DSQS-11H จากเยอรมันมาพร้อมสรรพ
โดยมียานทำลายทุ่นระเบิดรุ่น Pluto Plus และเครื่องกวาดทุ่นระเบิดแบบกลไก
Atlas Elektronik SDG 31 double Oropesa สำหรับจัดการทุ่นระเบิดใต้น้ำ
ต่อมาในปี 2559
กองทัพเรือได้เซ็นสัญญาปรับปรุงเรือทั้ง 2 ลำกับบริษัท THALES
UK Limited สหราชอาณาจักร มูลค่าประมาณ 2,750
ล้านบาท หรือประมาณ 70 ล้านยูโร มีการซ่อมแซมตัวเรือทั้งลำ
เปลี่ยนระบบอำนวยการรบกับจาก Atlas MWS-80R เป็นThales M-cube และระบบโซนาร์ตรวจจับทุ่นระเบิดจาก Atlas
DSQS-11H เป็น Thales TSM2022 Mk III ให้เหมือนเรือล่าทำลายทุ่นระเบิดชั้นเรือหลวงลาดหญ้าจากอิตาลีซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่า
ติดตั้งระบบอุปกรณ์สื่อสารใหม่ ซ่อมแซมระบบเครื่องจักร ระบบไฟฟ้า สัญญาปรับปรุงเรือได้รวมการจัดหาเครื่องวัดค่าอิทธิพลตัวเรือแบบเคลื่อนที่หรือ
Mobility Signature Test Range จำนวน 1
ระบบ สำหรับตรวจวัดค่าอิทธิพลของเรือชนิดต่างๆ ในกองทัพเรือเพิ่มเติมเข้ามา
การปรับปรุงช่วยยืดอายุการประจำการไปได้อย่างน้อยๆ
25 ปี
และเพื่อให้เรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม สมควรจัดหาอุปกรณ์ทันสมัยสำหรับปราบทุ่นระเบิดมาใช้งานทดแทนรุ่นเก่า
วิธีใช้งานให้นำ Seafox มาติดตั้งบนรางปล่อยเฉพาะ จากนั้นใช้เครนยกออกไปด้านข้างเรือแล้วหย่อนลงสู่ท้องทะเล บริเวณท้ายยานมองเห็นสายไฟเบอร์ออปติกสีส้มอย่างชัดเจน มีสายแข็งสีขาวป้องกันการฉีกขาดยาวประมาณ 40 เซนติเมตร
สายไฟเบอร์ออปติกบนเรือหลวงเรือหลวงหนองสาหร่าย ความยาวมากสุดอยู่ที่ประมาณ 2,000 เมตร แต่ข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตระบุว่าควบคุมได้ไกลสุด 1,200 เมตรขึ้นไป
ย้อนกลับไปในปี 2554 กองทัพเรือไทยได้จัดหายานล่าทำลายทุ่นระเบิดแบบ Seafox จากบริษัท Atlas Electronik GmBH ประเทศเยอรมันจำนวน
3 ระบบ นำมาติดตั้งบนเรือหลวงบางระจัน และเรือหลวงหนองสาหร่ายลำละ
1 ระบบ ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมยานล่าทำลายทุ่นระเบิด
Seafox I จำนวน 2 ลำ ส่วนระบบที่ 3 เป็นชุดเคลื่อนที่ Seafox Mobile รองรับภารกิจชุดต่อต้านทุ่นระเบิดเคลื่อนที่
หรือ MCM Mobility Team สามารถนำไปใช้งานบนเรือลำไหนก็ได้รวมทั้งเรือยางท้องแข็งขนาด
7 เมตร แต่โดยปรกติมักถูกติดตั้งอยู่บนเรือหลวงลาดหญ้า 633
ยานล่าทำลายทุ่นระเบิด
Seafox
คือยานสำรวจใต้น้ำแบบมีสายบังคับไร้คนขับ หรือ ROV (Remotely
Operated Vehicle) ทำงานแบบ Stand Alone ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับระบบอำนวยการรบ
ส่งผลให้มีความคล่องตัวและอ่อนตัวในการทำภารกิจรูปแบบต่างๆ บริษัทผู้ผลิตพัฒนา Seafox
ขึ้นมาจำนวน 3 รุ่นประกอบไปด้วย
1. Seafox I ใช้สำหรับการพิสูจน์ทราบ (Identify) เป้าต่างๆ
มีความยาว 1.3 เมตร หนัก 43 กิโลกรัม
ความเร็วสูงสุด 6 นอต ดำน้ำลึกสุด 300
เมตร ระยะปฏิบัติการไกลสุด 1.2 กิโลเมตรขึ้นไปหรือเท่ากับ 100 นาที ควบคุมการใช้งานด้วยสายไฟเบอร์ออปติกที่อยู่ด้านหลัง
มีกล้องทีวีติดตั้งอยู่ที่ปลายจมูกพร้อมไฟฉาย 2 ดวง
2. Seafox C ใช้สำหรับการต่อต้านทุ่นระเบิด โดยสามารถจุดระเบิดได้ 2 แบบ คือ การชนระเบิด และ การใช้ Shaped Charge ทำลายตัวทุ่นระเบิด
มีหัวรบขนาด 1.4 กิโลกรัมเพิ่มเติมเข้ามาจากรุ่น I
3. Seafox T ใช้สำหรับการฝึก Seafox C โดยจะมีการ Simulate
ขั้นตอนการจุดระเบิดได้
หน้าจอคอนโซนในการควบคุม Seafox คือแลปท็อปฝั่งขวาที่เจ้าหน้าที่กำลังใช้งาน ส่วนหน้าจอฝั่งซ้ายผู้เขียนคาดเดาว่าคือระบบโซนาร์ตรวจจับทุ่นระเบิดบนเรือ
ภาพจากกล้องทีวี Seafox I ซึ่งถูกปล่อยลงไปสำรวจความเสียหายท่อส่งน้ำมันใต้ทะเล อาจไม่ดีที่สุดเพราะไม่ใช่ยานสำรวจใต้น้ำของแท้แต่พอกล้อมแกล้มแหละครับ
ปัจจุบันมีกองทัพเรือ
10
ชาติใช้งานยานล่าทำลายทุ่นระเบิด Seafox ราคาอุปกรณ์ทันสมัยจากเยอรมันอยู่ที่
10,000 ถึง 15,000 เหรียญ หรือ 3.24
ล้านบาทถึง 4.86 ล้านบาทต่อ Seafox จำนวน 1 ลำ ความแตกต่างของราคาอยู่ที่ว่าเป็นรุ่น Seafox
I หรือ Seafox C กันแน่ ส่วน Seafox T สำหรับฝึกแบบ Simulate ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไร
ยานล่าทุ่นระเบิดที่กองทัพเรือใช้สำรวจท่อน้ำมันคือรุ่น
Seafox
I ข้อแตกต่างกับ Seafox C ซึ่งใช้ทำลายทุ่นระเบิดจริง
(ฉะนั้นเมื่อลงน้ำแล้วจะไม่ย้อนกลับมาที่เรือ) ก็คือ แพนหางบนรุ่น I จะทาสีสะท้อนแสงไว้อย่างชัดเจน ส่วนรุ่น C ไม่ได้ทาปล่อยให้เป็นสีเข้มเหมือนกับตัวยาน
อาจไม่ถูกก็ได้นะครับเพราะผู้เขียนเปรียบเทียบกับ Seafox C ต่างประเทศ
Seafox C ราชนาวีไทยเคยทดสอบทำลายทุ่นระเบิดจริง 1 ครั้งในปี 2560 ทว่าภาพจริงหายากมากเห็นเพียงคลิปวิดีโอขณะหย่อนลงน้ำ
ผู้เขียนพยายามมองอยู่นานน่าจะไม่ได้ทาสะท้อนแสงไว้บนแพนหาง
นี่คือการนำอุปกรณ์ใช้งานทางการทหารมาใช้งานด้านพลเรือนได้อย่างเหมาะสม
และเป็นเหตุผลสำคัญในการจัดหาอุปกรณ์ทันสมัยเข้าประจำการ กองทัพเรือมีความต้องการชุดต่อต้านทุ่นระเบิดเคลื่อนที่เร็วหรือ
Mobility
MCM Team จำนวน 3 หน่วย นำมาทดแทนเรือกวาดทุ่นระเบิดใกล้ฝั่งชั้นเรือหลวงบางแก้วซึ่งปลดประจำการไปหลายปีแล้ว
ตอนนี้เพิ่งมีประจำการ 1 หน่วยแบบลอยๆ ยังขาดอยู่อีก 2 หน่วย ขณะที่เรือชั้นเรือหลวงลาดหญ้ายังไม่มี Seafox ใช้งานเช่นกัน
ชุดต่อต้านทุ่นระเบิดเคลื่อนที่เร็วหรือ Mobility MCM Team มีกำลังพลเท่านี้แหละครับ นำ Seafox I มาโชว์เพียงรุ่นเดียวส่วน Seafox C อยู่ในกล่องเหมือนทุกครั้ง
ชุดต่อต้านทุ่นระเบิดเคลื่อนที่เร็วหรือ Mobility MCM Team ระหว่างปฏิบัติภารกิจบนเรือตังเก สายไฟเบอร์ออปติกมีความยาวน้อยกว่าบนเรือน่าจะไม่เกิน 1,000 เมตร เพื่อให้มีน้ำหนักเบาลงใช้งานบนเรือขนาดเล็กได้อย่างสะดวก
ในปีงบประมาณ 2562
กรมสรรพวุธกองทัพเรือขึ้นโครงการจัดซื้อระบบยานล่าทำลายทุ่นระเบิดแบบเคลื่อนที่จำนวน
2 ระบบ ในวงเงิน 137.040 ล้านบาทนำมาทดแทนยานล่าทำลายทุ่นระเบิด
Pluto Plus บนเรือชั้นเรือหลวงลาดหญ้าจำนวน 2 ลำ โดยมีรายชื่อ Seafox เข้าร่วมชิงชัยกับคู่แข่งจากประเทศฝรั่งเศส
เพียงแต่สถานะโครงการยังไม่มีบริษัทผู้ได้รับการคัดเลือก ฉะนั้นเท่ากับว่ายังไม่มีการสั่งซื้อหรือโครงการถูกดองนั่นเอง
ยานล่าทำลายทุ่นระเบิด
Seafox
จำนวน 4 ระบบ กับเรือพี่เลี้ยงเรือกวาดทุ่นระเบิดลำใหม่
คือสิ่งจำเป็นที่ขาดหายไปในกองเรือทุ่นระเบิดไทย ผู้เขียนคาดหวังว่ากองทัพเรือจะจัดหาเข้าประจำการโดยเร็ว
++++++++++++++++++++++++++++
อ้างอิงจาก
https://thaidefense-news.blogspot.com/2017/05/blog-post_7.html?m=1
https://thaidefense-news.blogspot.com/2016/07/blog-post.html?m=1
https://web.facebook.com/story.php?story_fbid=270999581845320&id=100068058390761&_rdc=1&_rdr
https://web.facebook.com/MineSquadron
https://web.facebook.com/royalthaifleet2020
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น