ข้อห้ามบางอย่างเมื่อไปหัดในเรือดำน้ำ
อีกไม่นานกองทัพเรือไทยจะมีเรือดำน้ำสร้างโดยประเทศจีนใช้งาน
ผู้เขียนขอนำบทความ 'ข้อห้ามบางอย่างเมื่อไปหัดในเรือดำน้ำ' ซึ่งรวบรวมจากบันทึก เรือเอกสวัสดิ์ จันทนมณี มาให้อ่านกันไปพลางๆ
ก่อนเป็นน้ำจิ้ม จะได้เข้าใจชัดเจนถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิตในเรือดำน้ำ
ซึ่งมีความแตกต่างจากเรือผิวโดยทั่วไปต้องมีข้อห้ามและความระมัดระวังมากกว่าเดิม
+++++++++++++++++++
ในโอกาสที่ทหารเรือไทยถูกส่งไปหัดและศึกษาที่เมืองไมซูรุซึ่งเป็นฐานทัพเรือของญี่ปุ่น
ทางปกครองได้ออกข้อห้ามหลายสิบข้อเพื่อความปลอดภัยของชีวิต
และให้ดำเนินไปตามข้อบังคับของกระทรวงทหารเรือญี่ปุ่น
ข้อบังคับบางข้อบางท่านอาจเห็นว่าไม่น่าบังคับ
ดังนั้นจำเป็นต้องมีคำอธิบายประกอบเพื่อให้เข้าใจแจ่มแจ้ง
ทางปกครองได้กำหนดไว้ 34
ข้อด้วยกันคือ
1.ห้ามถ่ายและสเกทช์ภาพหรือวิว
ด้วยเหตุที่เมืองนี้เป็นฐานทัพเรือ วิวต่างๆ
จึงเป็นของสงวนยิ่งนัก นอกจากนั้นวิวตามเมืองต่างๆ เช่นโกเบก็ห้ามเช่นกัน
ส่วนเมืองใดที่เป็นฐานทัพแม้แต่ภาพก็ถ่ายไม่ได้
ตามร้านเราจะหาซื้อบัตรภาพไม่ได้เช่นเดียวกัน
ท่าเรือแทบทุกท่าเรือเราจะเห็นป้ายเขียนคำว่า 'Fortified
Zone' เป็นส่วนมาก
2.การส้วมให้กระทำเสียก่อนการเข้ารบ
ในระหว่างดำน้ำห้ามส้วม
ก่อนกระทำการดำผู้บังคับการเรือมักกำหนดเวลาไว้ล่วงหน้าเสมอ
ทหารทุกคนต้องส้วมให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
เพราะว่าเมื่อดำลงไปแล้วการส้วมจะลำบากสักหน่อย โดยเหตุที่ส้วมมีอยู่ส้วมเดียว
และถ้าส้วมภายในเรือ (หมายถึงภายในเปลือกในของเรือ)
แล้วจะทำให้เหม็นและต้องใช้น้ำเป่า ซึ่งเป็นเรื่องลำบากกว่าเรือบนผิวน้ำมาก
ในเวลาสงครามถ้าเรือดำตั้งหลายๆ ชั่วโมง
การส้วมก็พึงกระทำได้ภายในเรือ
แต่อย่างไรก็ตามทหารทุกคนต้องหัดอดกลั้นในกิจชนิดนี้
สำหรับผู้ที่มีท้องร่วงก็จำเป็นต้องอนุญาต
ในการหัดของพวกเราที่แล้วๆ มานั้น
ห้องส้วมเขาใช้เป็นห้องเก็บเสบียงเสียทีเดียว เพื่อกันความยุ่งยากเสียแต่ต้นมือ
และการหัดของเราก็ไม่เคยเกิน 2 ชั่วโมงสักคราวเดียว
3.ในเวลาแล่นเรือบนผิวน้ำอนุญาตให้พักบนดาดฟ้าและในห้องเครื่องได้
ในเวลาแล่นเรือบนผิวน้ำนั้น
ผู้มีหน้าที่ก็ไปประจำหน้าที่ของตน
ส่วนผู้ที่ออกยามแล้วอาจจะพักได้ตามที่ซึ่งกำหนดไว้
การที่กำหนดไว้ทั้งแห่งนั้นก็เพื่อสะดวกทั้งพรรคนาวินและพรรคกลิน
อากาศในห้องเครื่องนั้นอับกว่าอากาศบนดาดฟ้านิดหน่อยเท่านั้น
แม้ว่าในเวลาชาร์จไฟฟ้าก็ตาม มีเครื่องพัดลมระบายอากาศอยู่เสมอ
ดังนั้นเราจะรู้สึกว่าอากาศทั้งภายนอกและภายในเรือเกือบไม่ผิดกันเลย
การที่อนุญาตให้เช่นนั้นก็มีประโยชน์มิให้ทหารฝ่ายไทยไปรุ่มร่ามแก่คนประจำหน้าที่ของเขาด้วยอีกประการหนึ่ง
ส่วนผู้ที่ต้องการความรู้เพิ่มเติมก็ย่อมมีโอกาสสืบถามได้จากคนประจำหน้าที่นั้นๆ
4.เวลาแล่นเรือให้ระวังหมวกตกน้ำ
เมื่อขึ้นบนดาดฟ้าบางขณะลมแรง ทหารย่อมระวังหมวกของตนเอง
ถ้าตกน้ำเสียจะหาเปลี่ยนไม่ได้ ดังนั้นถ้าผู้ใดไม่มั่นใจควรเอาสายรัดคางลงเสีย
5.ต้องขึ้นลงที่ฝาจมโพล่และบันไดโดยรวดเร็ว
การที่บังคับให้ขึ้นลงโดยรวดเร็วนี้เพื่อหัดให้เป็นนิสัยต่อไปในเบื้องหน้า
เพื่อประโยชน์แก่การเตรียมเรือเข้ารบหรือเวลาถูกคลื่นใหญ่
บางครั้งแม้ไม่มีความประสงค์จะดำก็ตาม
ถ้ามีคลื่นใหญ่จำต้องถือท้ายภายในเรือ คนต้องลงประจำหน้าที่ภายในเรือทั้งหมด
ดังนั้นจึงต้องลงบันไดโดยรวดเร็วทยอยกันลงไป
ถ้าชักช้าคลื่นอาจจะสาดเข้ามาในฝาจมโพล่ ซึ่งจะเกิดอุบัติเหตุภายหลังได้
การขึ้นลงบันไดห้ามมิให้สาวราวบันได
ต้องจับตรงราวมิฉะนั้นนิ้วมืออาจถูกคนอื่นเหยียบก็ได้
ด้วยเหตุที่ช่องลงหรือฝาจมโพล่มีเนื้อที่เฉพาะคนๆ เดียว
ดังนั้นจึงต้องหันหน้าเข้าหาขั้นบันได
และต้องไต่โดยรวดเร็วจึงจะทันการไม่ว่าโอกาสใด
6.ต้องระวังศีรษะและเท้าให้จงหนัก
ด้วยเหตุที่ภายในเรือมีแป๊บ, วาล์ว, เกช และอื่นๆ ระเกะระกะไปหมด
ทหารทุกคนต้องสวมหมวกไว้เสมอ มิฉะนั้นศีรษะอาจจะกระแทกสิ่งเหล่านั้นได้
และการเดินต้องดูซ้ายดูขวาให้ทั่ว ที่ใดควรมุดหรือควรยึดตัวจักได้รู้ไว้
เพื่อสะดวกแก่การทำงานในเวลาแสงน้อย
การที่ให้ระวังเท้าด้วยนั้น
ก็กลัวจะเตะอะไรต่อมิอะไรนั่นเอง
ทั้งนี้เป็นการหัดให้ทหารทุกนายรู้จักระวังตัว
และหัดสังเกตเพื่อเอาไว้ใช้ในการเวลาฉุกละหุก
7.เวลากลางคืนห้ามขึ้นบนดาดฟ้า
ทหารย่อมมีที่พักผ่อนของตนในห้องอยู่แล้ว
ผู้ที่ว่างงานต้องอยู่ในห้องนี้
การที่ห้ามขึ้นนั้นก็เพื่อต้องการมิให้ตกน้ำเท่านั้นเอง
เพราะดาดฟ้าเป็นเหล็กโดยมาก
แต่ภายหลังเมื่อมีความชินและความระมัดระวังตัวเองได้ดีพอแล้ว
ก็เป็นอันว่าอนุญาตให้ขึ้นบนดาดฟ้าได้
ส่วนเวลากลางวันนั้นแม้จะตกน้ำลงไป
ก็สามารถช่วยเหลือกันได้โดยทันท่วงที
8.ห้ามสูบบุหรี่และจุดไฟภายในเรือ
การที่ห้ามจุดไฟหรือสูบบุหรี่นี้
ก็เพื่อป้องกันการระเบิดซึ่งเกิดจากเปลวเพลิงนั้น
ทหารทุกคนถ้าอดบุหรี่ได้ก็เป็นอันไม่ต้องกังวลไปอีกข้อหนึ่ง
แต่ตามความสังเกตของข้าพจ้าเห็นว่านักดำน้ำทุกคนสูบบุหรี่จัด
ทั้งนี้เพราะเวลาดำหรือลงไปอยู่ในเรือเป็นเวลานานๆ ความกระหายบุหรี่ย่อมมีมาก
ครั้นขึ้นบนดาดฟ้าได้เป็นต้องสูบตั้ง 2-3 มวนซ้อนก็มี
ภายในเรือเขาใช้ Torchlight
หรือ Flashlight (ไต้ไฟฟ้า) กันทั่วไป
แต่ตามปรกติในที่เปิดเผยแสงไฟฟ้าก็สว่างพอแล้ว การหุงต้มก็ใช้ความร้อนจากไฟฟ้า
9.เวลาเตรียมเรือเข้ารบห้ามอยู่บนดาดฟ้า
เวลาเตรียมเรือเข้ารบก็คือขั้นแรกของการเตรียมดำนั่นเอง
ผู้มีหน้าที่ต้องตรวจตราทุกคนมิให้หลงอยู่ในส้วมได้
และตรวจหน้าที่ของตนให้เรียบร้อยจึงรายงานผู้บังคับการเรือ
แล้วให้รีบลงไปภายในเรือทุกคน
ถ้าบังเอิญหลงอยู่บนดาดฟ้าด้วยประการใดๆ ก็ตาม
และเมื่อเรือดำลงไปแล้วให้โยกเทเลกราฟให้อยู่ตรง 'หยุด'
ไว้เสมอแต่ถ้าทำไม่สำเร็จให้พยายามเอามือปิดหน้ากล้องตาเรือไว้
เพราะผู้บังคับการเรือย่อมไม่กล้าดำเลยถ้ากล้องตาเรือถูกอะไรปิดเสียก่อน
แต่ห้ามแกล้งให้น้ำเข้าเรือเพราะเรืออาจเป็นอันตรายได้ง่าย
ต้องคิดถึงชีวิตคนหมู่มาก
10.ขณะดำให้พูดค่อยๆ
ขณะดำน้ำอยู่นั้นเสียงเครื่องจักรย่อมอึกทึกมากโดยที่อยู่ในเขตจำกัด
ดังนั้น 'คำสั่ง'
จากผู้บังคับการหรือต้นเรือเท่านั้นที่ต้องใช้ตะโกนอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ส่วนคำสั่งของต้นกลย่อมใช้สัญญาณเพราะถึงตะโกนก็ฟังออกได้ยาก
11.ขณะดำห้ามเคลื่อนที่ก่อนได้รับอนุญาต
การเคลื่อนที่ในตามทางยาวย่อมทำให้ทริม (Trim) เปลี่ยน คืออาจจะด้อยหัวหรือด้อยท้าย
น้ำหนักคนเพียงคนเดียวเรือเล็กๆ ของเราก็ย่อมรู้สึกตัว ดังนั้นถ้าเรือเปลี่ยนน้ำหนักไปก็ต้องรายงานเสียก่อน
เพื่อต้นเรือจักได้เตรียมแก้ไขได้ทันท่วงที
การเปลี่ยนที่ในทางตามขวางอนุญาตให้ทำได้
การเปลี่ยนยมอนุญาตให้ทำได้โดยปริยาย
เพราะน้ำหนักที่ใช้สับเปลี่ยนนั้นมาชดเชยกันอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงเป็นหลักที่ถือกันอยู่ว่าตนต้องรู้จักที่นอนของตนดี
ไม่ต้องไปเที่ยวนอนนอกเขตกำหนด
12.เมื่อเกิดอุบัติเหตุทำห้ามการใดๆ โดยพลการ
เมื่อเกิดอุบัติเหตุเช่นไฟลุก, น้ำเข้าเรือ, เรือเอียง, เรือด้อย เครื่องเสีย หรืออื่นๆ
ให้รีบตะโกนทางกระบอกพูดรายงานมายังหอบังคับการทันที ห้ามมิให้ทำงานโดยพลการ
อย่างไรก็ตามอย่าถือเถรตรงนัก
เช่นไฟไหม้จะมัวรอคำสั่งตามแบบนั้นก็เรียกว่าขาดปฏิภาณ หัวหน้างาน ณ
ที่นั้นต้องรีบมาเอากระบอกฉีดยาดับเพลิงไปเตรียมไว้ก่อนก็ได้
ส่วนการดับนั้นผู้บังคับการเรือหรือนายยามจะได้สั่งต่อภายหลัง เพราะอยู่กันใกล้ๆ
แค่นี้เอง
ขอย้ำว่าอนุญาตให้ทำก่อนได้ในเมื่อเห็นว่าปลอดภัยหรือป้องกันภัยที่จะลุกลามขึ้น
แต่อย่าลืมตะโกนรายงานให้ทันท่วงทีเป็นอันขาด
เพราะชีวิตของคนทุกคนย่อมอยู่ในกำมือของผู้บังคับการเรือซึ่งรับผิดชอบตลอดลำ
13.ขณะดำห้ามวิ่ง
การวิ่งย่อมทำให้ทริมเปลี่ยนเร็วจักมีอันตราย
อีกประการหนึ่งพื้นที่ภายในเรือนั้นเป็นเหล็กทำให้ลื่นง่าย
ถ้าวิ่งเท้าอาจพลาดสอดไปทำอันตรายแก่เครื่องอุปกรณ์ใดๆ หรือเท้าอาจเป็นอันตรายได้
อันตรายที่เกิดจากทริมเปลี่ยนนี้คืออาจทำให้หัวทิ่มหรือหัวเชิด
ซึ่งอาจเป็นเหตุให้กรดในหม้อหกทำให้ช็อตและระเบิดขึ้นได้
หรือมิฉะนั้นหัวเรืออาจทิ่มดิ่งลงไปก็ได้
ก่อนดำน้ำทุกคราวต้นเรือย่อมคำนวณและถ่ายน้ำบรรจุน้ำไว้ดีแล้ว
ถ้ามีการเปลี่ยนทริมคราวใดต้องรายงานให้หอบังคับการทราบเสมอเพื่อเตรียมแก้ไข
14.ห้ามจับต้องวาล์วต่างๆ
ผู้ไม่มีหน้าที่ห้ามจับหรือหมุนวาล์วเล่นเป็นอันขาด
เพราะอาจทำให้น้ำทะเลรั่วไหลเข้ามาในเรือโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งเป็นเหตุให้เรือจมดิ่งลงก้นทะเลได้ง่าย
อีกประการหนึ่งถ้าเป็นวาล์วอากาศ
อากาศจะรั่วไหลโดยไม่รู้ตัวเป็นเหตุให้โผล่ไม่ขึ้นก็ได้
15.ห้ามนำเป้าโลหะเข้าใกล้หรือถูกต้องสวิตช์ไฟฟ้า
ทั้งนี้เพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อต
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดระเบิดขึ้นได้
16.ห้ามใช้ชุดเพื่ออบอุ่นร่างกาย
การใช้ชุด (ใคโรใบ) เพื่ออบอุ่นร่างกาย
ผู้ใช้ย่อมต้องจุดชุดแล้วไฟก็ลุกอยู่ภายในชุดนั้น
ไฟในชุดนั้นเองจะเป็นเหตุให้เกิดระเบิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงห้ามใช้เสียทีเดียว
แต่สำหรับเมื่อมาในสยามแล้ว อากาศย่อมไม่หนาวที่จะมาจุดชุดกันได้
นับว่าหมดปัญหาข้อนี้ไปโดยไม่ต้องกังวล
17.ห้ามทิ้งเศษกระดาษนอกที่ที่กำหนด
ที่สำหรับทิ้งกระดาษหรือเศษผงภายในเรือมีกระป๋องอยู่ที่หน้าห้องสูทกรรมแห่งเดียว
ผู้ใดใช้กระดาษ (เช่นกระดาษเช็ดน้ำมูก)
ต้องเก็บไว้ในกระเป๋าของตนแล้วนำมาทิ้งลงทะเลภายหลังจึงจะสะดวกมาก
การที่สั่งห้ามนี้เพื่อป้องกันสกปรก
แล้วป้องกันกระดาษเหล่านั้นเข้าไปอุดรูหรือช่องต่างๆ เสีย
18.ห้ามแขวนเสื้อผ้านอกที่ที่กำหนด
เสื้อผ้าในที่นี้หมายถึงเสื้อผ้าทุกชนิดตลอดจนถุงเท้า, ถุงมือ ยิ่งเป็นของเล็กๆ
ก็ยิ่งสำคัญมากเพราะมองไม่ใคร่เห็น
การที่ห้ามนี้ก็เพื่อป้องกันมิให้เข้าไปพันหรือเข้าไปมัดสิ่งเคลื่อนไหว
เช่นคันต่อเครื่องถือท้ายหรือคันต่อเทเลกราฟเป็นต้น
19.ต้องประหยัดน้ำจืดให้มากที่สุด
ถังน้ำจืดในเรือบรรจุได้ไม่ถึง 2 ตัน
ดังนั้นต้องประหยัดกันยิ่งกว่าเรือรบชนิดใดๆ ทั้งหมด ข้อนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบาย
เวลาเดินทางถ้าถังอับเฉาใด (ซึ่งไม่จำเป็นต้องถ่ายน้ำ) จะบรรจุน้ำจืดไว้บ้างก็ควร
20.ห้ามวางของผิดที่
ทั้งนี้เกี่ยวกับทริมดังอธิบายไว้แล้ว
และอีกประการหนึ่งก็เข้าตำรา ‘หยิบก็ง่าย หายก็รู้ ดูก็งาม’
21.ให้อาเจียนในที่ที่กำหนด
ภายในเรือไม่มีกระโถน ที่ที่กำหนดให้อาเจียนก็คือบนดาดฟ้า
แต่ข้อนี้ย่อมสุดวิสัยที่ผู้ต้องการอาเจียนจะทนได้ในเมื่อผู้นั้นอยู่ภายในเรือ
ข้อสำคัญมีว่าเมื่ออาเจียนแล้วรีบเช็ดเสีย
22.ห้ามบ้วนน้ำลาย
น้ำลายต้องหัดกลืน
มิฉะนั้นต้องมายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือตลอดเวลา
จะมีได้อีกวิธีหนึ่งก็คือบ้วนใส่กระดาษแล้วใส่กระเป๋าไว้
23.ต้องจัดเวรทำความสะอาดและตั้งโต๊ะ
ข้อนี้เป็นธรรมดาไม่ต้องอธิบาย แต่เมื่อได้ไปหัดจริงๆ
พวกเราไม่ต้องทำความสะอาดสักหน
ส่วนการตั้งโต๊ะพวกเราก็มีแต่ปิ่นโตไปรับอาหารจากสูทกรรมญี่ปุ่นเท่านั้น
ไม่เห็นต้องตั้งโต๊ะสักครั้ง
โต๊ะอาหารก็คือกระดานเตียงนอนของทหารนี่เอง
แต่พับได้หรือหลุบปีกได้ เวลานอนก็กางออกเป็นพื้นธรรมดาไป
24.ห้ามรับประทานอาหารพิเศษ
คำว่า ‘อาหารพิเศษ’
คืออาหารทุกสิ่งนอกจากทางเรือแจกให้รับประทาน ทั้งนี้เพื่อหัดทหารไทยให้อดทน
หรือมิให้พกของจุกจิกไปจะรุงรังเปล่าๆ
อาหารที่ทางเรือแจกให้รับประทานนั้นเหมือนกันหมดทุกคนตั้งแต่ผู้บังคับการเรือจนถึงพลประจำเรือ
25.ห้ามเข้าครัว
ครัวที่เรือนั้นเข้าไป
3 คนก็เบียดกันแล้ว
ใครขืนเข้าไปเรียกว่าขโมยของรับประทานเท่านั้น
26.ห้ามรับประทานอาหารนอกที่ที่กำหนด
ทหารต้องรับประทานที่โต๊ะอาหารเว้นเสียแต่วันใดที่แน่น
ผู้บังคับบัญชาอาจจะสั่งให้ขึ้นมารับประทานบนดาดฟ้าได้เป็นการครั้งคราว
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พื้นท้องเรือเปิดเพื่อตรวจสอบแบตเตอรี่
พวกเราต้องกระจายกันรับประทานโดยทั่วไป
เราต้องระวังเสียแย่เพราะถ้าปิ่นโตอลูมิเนียมซึ่งถืออยู่นั้น
ถ้าตกลงไปถูกหม้อไฟฟ้าเข้าแล้วอาจจะทำให้ไฟช็อตขึ้นได้
27.จัดสิ่งของให้เรียบร้อยเสมอ
สิ่งของที่นำติดตัวไปนั้นมีผ้าห่มนอน 2 ผืน ถุงมือทำงาน หมวกเสื้อกางเกงทำงาน
เสื้อคลุมกันหนาว ปิ่นโต เครื่องล้างหน้าสีฟัน (บางครั้งถ้ามีกำหนดจะพบนายทหารผู้ใหญ่
พวกนายทหารเราก็มีถุงมือขาวและเครื่องราชอิสริยาภรณ์จำลองไปด้วย)
การจัดให้เรียบร้อยนั้นไม่จำเป็นต้องอธิบาย
ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นระเบียบ
28.ห้ามนอนนอกที่ที่กำหนด
เนื่องด้วยทริมดังกล่าวแล้ว และเพื่อจะตรวจคนได้ง่าย
29.เมื่อยังไม่ถอดรองเท้า ห้ามเหยียบโต๊ะ เก้าอี้
หรือที่เท้าแขน
ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้สิ่งของที่ถูกเหยียบนั้นสกปรกเท่านั้นเอง
30.เวลาส้วมต้องใช้กระดาษอย่างนิ่มชำระ
เสร็จแล้วต้องสูบน้ำไล่ทิ้ง
ส้วมบนดาดฟ้าเท่านั้นที่พวกเราใช้ส้วมกัน
(เพราะส้วมในเรือกลายเป็นคลังเสบียงไปเสียแล้ว)
การที่ป้องกันก็เพื่อมิให้ส้วมตัน
31.การส้วมให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ
คำแนะนำที่ปิดไว้ในส้วมภายในเรือเป็นอันว่าไม่ได้อ่าน
เพราะไม่เคยได้ใช้ส้วมสักที
32.ห้ามใช้รองเท้าที่ตอกหมุดที่พื้น
หมุดที่พื้นรองเท้าคือเหล็กกันรองเท้าสึก
การที่ห้ามเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันมิให้ลื่นเวลาอยู่ในเรือประการหนึ่ง
อีกประการหนึ่งก็เพื่อป้องกันมิให้เกิดประกายไฟในเวลาเดิน
33.ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง
ข้อนี้ไม่ต้องอธิบาย
34.อาหารที่จัดให้ แม้ไม่รับประทานก็ต้องเสียเงิน
ข้อนี้เพื่อตัดความยุ่งยากจากคนที่กินบ้างเว้นบ้าง
‘ข้อห้ามบางอย่าง’ รวม 34
ข้อนี้นายนาวาเอก ยัดซุชิโร ท่านผู้ปกครองทหารเรือดำน้ำไทย
ได้ให้ไว้เมื่อก่อนออกเดินทางไปรับเรือโระ 64 จากไมซูรุมายังโกเบ
ดังนั้นจึงมีบางข้อที่บ่งตรงถึงทหารไทย
ดังที่ท่านเคยได้พบข้อบกพร่องหรือความปฏิบัติตนอันควรต้องตักเตือน
อีกประการหนึ่งคราวนี้เป็นคราวแรกที่พวกเราจะได้ลงหัดในเรือดำน้ำด้วย
ดังนั้นท่านจึงวางกฎเหล่านี้ไว้ละเอียดมากสักหน่อย
+++++++++++++++++++
ข้อห้ามบางอย่างรวม 34
ข้อสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ โดยคร่าวๆ
นอกจากต้องรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบภายในเรือ
สิ่งสำคัญมากที่พูดถึงบ่อยครั้งคือเรื่องส้วมภายในเรือ
ซึ่งทหารเรือดำน้ำไทยใช้เป็นห้องเก็บเสบียงไม่เคยใช้งานสักครั้ง
สิ่งที่ผู้เขียนอ่านแล้วไม่เข้าใจก็คือเรื่องส้วมบนดาดฟ้า เรือดำน้ำมีส้วมบนดาดฟ้าตรงไหน??
หมายเหตุ : เรือโระ 64
หรือ RO-64 คือเรือดำน้ำที่ใช้ในการฝึกทหารเรือดำน้ำไทย
เรือมีระวางขับน้ำ 1,301 ตันขณะดำน้ำ ยาว 78.39 เมตร
เทียบกับเรือดำน้ำชั้นมัจฉานุซึ่งมีระวางขับน้ำ 430 ตันขณะดำน้ำ
ยาว 51 เมตร ต้องบอกว่าเรือโระ 64
มีขนาดใหญ่กว่าพอสมควร
ฉะนั้นปัญหาเรื่องส้วมเรือดำน้ำไทยย่อมมีมากกว่าเรือดำน้ำญี่ปุ่นไปด้วย
+++++++++++++++++++
อ้างอิงจาก : อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือเอกสนอง
ธนศักดิ์
https://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_submarine_Ro-64