วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

มหาสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ตอนการรบที่แวร์เดิง (Battle of Verdun)

     การรบครั้งสำคัญในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีอยู่ด้วยกันหลายสมรภูมิ แต่ที่สำคัญเป็นอย่างมากนับได้2ครั้งคือการรบที่แวร์เดิงและการรบที่แม่น้ำมาร์น การรบที่ป้อมแวร์เดิงเป็นการยุทธครั้งสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างทรหดสมศักดิ์ศรีชาตินักรบ เมื่อได้ยินคำว่าป้อมโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นป้อมปราการเดี่ยวๆ เหมือนในภาพยนต์ เพราะในความจริงที่แวร์เดิงเป็นหมู่ป้อมปืนจำนวนหลายป้อมรวมกัน มีการจัดวางตำแหน่งไว้อย่างอย่างสลับซับซ้อนจนยากในการบุกยึด เมื่อข้าศึกยึดป้อมใดป้อมหนึ่งไปได้ก็จะตกเป็นเป้าหมายให้ป้อมที่เหลืออยู่ประสานการยิงเข้าใส่ ประกอบกับทำเลอันเหมาะสมทำให้การสู้รบในสมรภูมิแห่งนี้มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น ทั้งฝ่ายที่บุกและฝ่ายตั้งรับประสบกับความสูญเสียทั้งในด้านกำลังพลและยุทธปัจจัยเป็นจำนวนมหาศาล


   ในจำนวนหมู่ป้อมแวร์เดิงน้อยใหญ่จำนวนมาก ยังมีป้อมปราการโปราณเก่าแก่ที่สุดป้อมหนึ่ง ขอบหลังคาและประตูรอบด้านทำด้วยหินแข็งมากอย่างหินลายๆจากเมืองจีนซึ่งใช้ปูพื้นตลาดสำเพ็ง  หลังคาป้อมเป็นหินมีขอบบรรจุดินอัดไว้เต็มพื้นที่เพื่อลดแรงปะทะจากกระสุนปืนใหญ่ ป้อมโบราณแห่งนี้ถูกใช้เป็นสโมสร (Mass ) พบปะสังสรรค์ และยังเป็นครัวปรุงอาหารทำขนมปังจึงมีกลิ่นอาหารฟุ้งกระจายตลอดเวลา ในช่วงกลางคืนจะมีการนำทหารตามป้อมต่างๆผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาที่นี่ เพื่อหาความสำราญด้วยการกินและดูภาพยนต์และเพื่อเป็นการผ่อนคลาย บางครั้งหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงทหารทั้งหมดจะถูกส่งไปออกไปจู่โจมข้าศึกตามแผนที่ได้กำหนดไว้ และบางครั้งก็ทหารเหล่านี้อาจจะตายทั้งหมดหรือเหลือรอดกลับมาแค่เพียงไม่กี่นาย

     ป้อมสำคัญที่มีชื่อเสียงมากในการรบที่แวร์เดิงก็คือป้อมดูโอมองค์ (Fort Douaumont) ถูกสร้างขึ้นด้วยแบบแปลนทันสมัยดูราวกับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง พื้นที่ภายในป้อมอยู่ใต้ดินลึกลงไปตั้งแต่ 20 เมตรจนถึง 40 เมตร บริเวณยอดของป้อมทำช่องสำหรับยิงปืนใหญ่และปืนกลไว้รอบทิศทาง ช่องที่ว่าโผล่เหนือพื้นดินเพียงนิดเดียวและป้องกันไว้ด้วยหินเหลี่ยมและหนา ทั้งฝ่ายเยอรมันนีและสัมพันธมิตรได้ผลัดกันยื้อแย่งไปมาและผลัดกันครอบครองป้อมดูโอมองค์ บริเวณพื้นที่ภายในป้อมมีกระสุนปืนของทั้งสองฝ่ายตกเกลื่อนกลาดอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้บัญชาการป้อมชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า เมื่อเยอรมันโจมตีพวกเขาจะเริ่มต้นด้วยการบอมปืนใหญ่ขนาด 420 มม.หรือ 370 มม.เข้าใส่อย่างต่อเนื่องก่อนส่งทหารราบเข้ามาจู่โจม ด้วยอำนาจจากกระสุนปืนใหญ่ทำให้ตัวเขาที่บัญชาการอยู่ใต้ดินรู้สึกโคลงเคลงไปมาตลอดเวลา จนดูคล้ายกับว่าป้อมดูโอมองค์นั้นเป็นเรือที่เดินเครื่องอยู่กลางมหาสมุทรท่ามกลางกระแสคลื่นขนาดยักษ์โหมเข้าใส่  รอยกระสุนตกบริเวณริมป้อมมีขนาดใหญ่โตจนดูเหมือนสระน้ำ อำนาจจากปืนใหญ่ขนาด 370 มม.มีความรุนแรงมากกว่าขนาด 420 มม.ที่เน้นระยะทาง ยิงถูกแง่ป้อมแต่ละลูกทำให้หินแข็งๆหายไปเป็นวาๆ สร้างความหวาดผวาให้กับทหารฝรั่งเศสทุกนายที่อยู่ในป้อม
                                                                           ปืนใหญ่ขนาด 380 มม. ติดอยู่บนรถไฟดูน่าเกรงขาม

                                                                                          ป้อมดูโอมองค์ก่อนถูกโจมตี

                
                                                                                                   ป้อมดูโอมองค์หลังหยุดยิง


   เยอรมันนีใช้กระสุนปืนใหญ่ในการเข้าตีวันละประมาณ 70,000 นัด กระสุนจำนวนมากพลัดไปตกตามบ้านเรือนจนพังพินาศไปตามๆกัน พื้นที่โดยรอบของเมืองนี้เปรียบเสมือนลูกคลื่นไกลลิบลับสุดลูกหูลูกตา เนื้อดินถูกเผาร่วนซ้ำแล้วซ้ำอีกดูคล้ายขี้บุหรี่ พลเอกมงกุฎราชกุมารของเยอรมันได้รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการเข้าตีป้อมแวร์เดิง ว่ากันว่าหากสามารถตีสำเร็จจะได้รับพระราชทานเลื่อนยศจากไกเซอร์พระราชบิดาให้เป็นจอมพลทันที มงกุฎราชกุมารจึงเพียรพยายามเข้าตีให้สำเร็จโดยใช้กำลังพลมากกว่า 500,000 นาย แต่ก็อย่างที่ผู้เขียนได้บอกไปแล้วว่าสมรภูมิแห่งนี้มีความยุ่งยากซับซ้อน เมื่อเยอรมันตีป้อมใหม่ได้สำเร็จป้อมเก่าที่เคยยึดได้กลับโดนตีคืน ครั้นพอส่งกำลังออกไปชิงกลับป้อมที่เพิ่งยึดได้ใหม่ก็โดนป้อมอื่นระดมยิงใส่จากทุกทิศทาง มงกุฎราชกุมารทุ่มเทกำลังทหารเข้าตีอย่างหนักทำให้กำลังพลอันเกรียงไกรเริ่มอ้อนล้าและขาดประสิทธิภาพ พอกล่าวสรุปได้ว่าที่แวร์เดิงเยอรมันประสบกับความสูญเสียสุงกว่ามาตราฐานพอสมควร ถือเป็นสมรภูมิรบที่ต้องจ่ายด้วยราคาแพงที่สุดแห่งหนึ่ง


     การรบที่แวร์เดิงค่อนข้างผิดแปลกไปจากที่อื่น ในยามปรกติแนวรบของทั้งสองฝ่ายตั้งอยู่ในแต่ละป้อมของตัวเอง การรบหลักจะเป็นการระดมยิงปืนใหญ่เข้าหากันมากกว่ารบระยะประชิด ต่างจากยุทธภูมิแห่งอื่นที่สนามเพลาะทั้งสองฝ่ายมักอยู่ห่างกันเพียง 20-30 เมตร ว่ากันว่าได้ยินเสียงพูดคุยของอีกฝ่ายหรือเวลาพักรบก็ยังตะโกนโต้ตอบกันไปมาได้ ลูกระเบิดมือถือและปืนครกกระสุนวิถีโค้งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายจึงไม่ค่อยได้ผลกับที่นี่  การรบที่แวร์เดิงเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1916 ท่ามกลางฝนตกหนักหมอกหนาทืบและลมกรรโชกแรง เยอรมันระดมปืนใหญ่เข้ามาเพื่อยิงถล่มเป็นเวลา 10 ชั่วโมงติดต่อกัน กระสุนจำนวน 1 ล้านนัดถูกยิงใส่พื้นที่ยาว 30 กิโลเมตรและกว้าง5กิโลเมตร ปืนใหญ่ Super Heavy Long Range Guns ขนาด 420 มม.สามารถยิงได้ไกลถึง 99 ไมล์หรือ 160 กิโลเมตร  การโจมตีหยุดลงชั่วคราวตอนเที่ยงวันเพื่อให้ผู้รอดชีวิตของอีกฝ่ายเปิดเผยตัว มีการใช้เครื่องบินบินเข้าไปสำรวจตามแผนการรบสมัยใหม่ที่เคยได้ผล เมื่อได้ข้อมูลมากเพียงพอแล้วเยอรมันจึงส่งทหารเข้าไปในพื้นที่ ฝรั่งเศสตระหนักดีถึงการบุกอย่างหนักของข้าศึกและเตรียมตั้งรับอย่างเหนียวแน่น แม้ทหารเยอรมันจะมีประสิทธิภาพสุงแต่การบุกก็ทำได้ยากลำบาก ประกอบกับมีความผิดพลาดและความล่าช้าในด้านการสื่อสาร เยอรมันทำการรบได้ไม่ดีพอที่จะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด ฝรั่งเศสส่งทหารกองหนุน 90,000 นายและอาวุธหนักจำนวนมากเข้ามาเสริมทัพ ความสูญเสียในช่วงแรกของทั้งสองฝ่ายมีตัวเลขที่ใกล้เคียงกันมาก


     
                                                                      ทหารส่วนมากเสียชีวิตจากกระสุนปืนใหญ่จำนวนมหาศาล

     เมื่อฝรั่งเศสตั้งหลักได้แล้วสมรภูมิแห่งนี้จึงกลายเป็นหนังยาว การดวลกันระหว่างปืนใหญ่ของทั้งสองฝ่ายทำให้เมืองนี้พินาศโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนเยอรมันจะทำการรบได้ดีกว่าแต่ฝ่ายตนเองก็สูญเสียมากไม่ต่างกัน ความอ่อนล้าจากการสู้รบติดกันหลายวันส่งผลต่อทหารทุกนาย สนามรบอันกว้างใหญ่ไพศาลเต็มไปด้วยกลิ่นไอจากศพ พวกเขานอนตายทับถมสังเวยพระแม่ธรณีจนดูเป็นเรื่องปรกติ เมื่อมีการเปลี่ยนแนวรบไปข้างหน้ากองฝังศพก็จะตามไปฝังศพที่เพิ่งเสียชีวิตใหม่ๆ แค่เพียงไม่นานนักกระสุนปืนใหญ่ของอีกฝ่ายก็ลอยลงมาขุดพลิกแผ่นดินเอาซากอสุภะกลับขึ้นมาใหม่ ในสนามรบเต็มไปด้วยแมลงวันหัวเขียวตัวโตๆที่กินซากศพเสียจนอิ่มหมีพลีมัน บรรดาหนูที่อยู่แถวนั้นก็ตัวใหญ่มากและมีชุกชุมไม่ใช่เล่น ส่วนมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินนั้นเล่ากลับมีชีวิตที่สั้นลงไปจากปรกติ มีการประมาณการจากสถิติไว้ว่านักบินจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 3 เดือน ทหารม้าอยู่ที่ 6 เดือน และทหารราบอยู่ที่ 1 ปี การรบที่แวร์เดิงในช่วงแรกมีการพักรบอยู่หลายครั้ง แต่ทหารทุกนายก็ได้พักผ่อนแค่เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น

     ความล้มเหลวของการรบในเดือนเมษายนถูกนำมาปรับปรุงแก้ไขทันที ทหารราบเยอรมันจะได้รับการสนับสนุนปืนใหญ่อย่างต่อเนื่องทั้งจากด้านข้างและด้านหลัง การติดต่อสื่อสารที่เคยมีปัญหาจะได้รับการปรับปรุงทั้งหมด มีการลดแนวบุกทะลุทะลวงให้แคบลงไปกว่าเดิม แต่ทว่าในบรรดาเสนาธิการด้วยกันก็ยังมีความเห็นที่แตกต่าง แผนการแบ่งกำลังเป็นกองเล็กๆเพื่อลอบโจมตีอีกฝ่ายถูกปฏิเสธ เยอรมันมุ่งใช้กำลังทหารราบบุกทะลวงไปข้างหน้าพร้อมการสนับสนุนจากปืนใหญ่ ถึงตอนนี้เริ่มมีการนำปืนไฟและหน่วยปฎิบัติการณ์พิเศษเข้ามาใช้ในแวร์เดิงแล้ว ทหารราบเยอรมันสามารถทะลุแนวป้องกันเข้าไปจนสามารถยึดป้อมปืนสำคัญบางแห่งเพิ่มได้ แล้วพวกเขาก็โดนฝรั่งเศสใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มอย่างหนักใส่ป้อมปืนที่ตัวเองเคยยึดครอง ทหารเยอรมันต้องถอยร่นเข้ามารวมตัวกันอยู่ในป้อมและคอยรักษาแนวป้องกัน สงครามนับจากนี้เป็นการยันกันไปยันกันมาโดยไม่มีผลแพ้ชนะอย่างแท้จริง

                                                                                  ปืนใหญ่ขนาด 75 มม.ของฝรั่งเศสที่ป้อมดูโอมองค์

                                                                     ชีวิตของทหารทุกนายอยู่ที่เบื้องบนเป็นผู้กำหนด                                                              

     ป้อมดูโอมองค์คือพื้นที่ซึ่งมีการรบพุ่งหนักที่สุดและเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากที่สุดด้วย ในการบุกครั้งแรกสุดเยอรมันสามารถบุกยืดป้อมนี้ได้โดยไม่มีการรบหนักอย่างที่คาดคิด นายทหารระดับสุงของฝรั่งเศสกล่าวในภายหลังว่า เพื่อรักษาชีวิตทหารจำนวน 100,000 นายเอาไว้จึงต้องปล่อยให้ป้อมโดนยึด ผลจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับทหารชั้นผู้น้อยส่วนมาก ปลายเดือนพฤษภาคมฝรั่งเศสเริ่มต้นบุกชิงป้อมดูโอมองค์กลับคืนเป็นครั้งแรก การโจมตีกินเวลาถึง 36 ชั่วโมงก่อนจะพบกับความล้มเหลวและความสูญเสียเป็นตัวเลขสุงมาก ทหารเยอรมันต่อสู้ชนิดหัวชนฝาจนสามารถป้องกันป้อมเอาไว้ได้ พวกเขาใช้ป้อมนี้เป็นสถานีพยาบาลและจัดเก็บอาวุธยุทธปัจจัยต่างๆด้วย ระหว่างนี้ได้เกิดเรื่องที่น่าเศร้าขึ้นกับทหารเยอรมันประจำป้อม เมื่อเปลวไฟจากการทำอาหารทำให้คลังแสงเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ภายในตัวป้อม ทหาร 679 นายเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ชาวเยอรมันและฝรั่งเศสบางส่วนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อสวดมนต์ในวันครบรอบของทุกๆปี ป้อมดูโอมองค์สร้างความสูญเสียให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ดั่งคำกล่าวที่ว่าลูกกระสุนไม่มีตายิงโดนใครก็ตายทุกคน 

     ความพยายามในการยึดป้อมคืนมาสำเร็จในอีก 5 เดือนถัดมา ปฎิบัติการโต้กลับครั้งใหญ่ของฝรั่งเศสเริ่มต้นจากวันที่ 20 ตุลมคมจนถึงวันที่ 2 พฤษจิกายน พวกเขาได้รวบรวมอาวุธหนักจำนวนมากมาที่แวร์เดิงเพื่อหวังแก้มือให้ได้ นอกจากทหารฝรั่งเศสจำนวนมากแล้วยังมีกองกำลังทหารโมรอคโคเข้าร่วมในการยุทธครั้งนี้ด้วย หลังจากยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ขนาด 400 มม.บนรถไฟเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน กำลังทหารราบจำนวนมากจึงบุกเข้าใส่เกิดการปะทะอย่างหนักไปทั่วพื้นที่ ก่อนการยิงจะยุติลงมีคนตายเป็นหมื่นคนที่ป้อมดูโอมองค์ ในที่สุดฝรั่งเศสก็สามารถทวงคืนจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากที่สุดได้ สถานการณ์หลังจากนี้จนสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายนไม่มีการรบพุ่งครั้งใหญ่กันอีกเลย ทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมตัวเพื่อทำการรบครั้งสุดท้ายในเดือนสุดท้ายของปี 1916

                                                                                                     ปืนไฟถูกนำมาใช้ระหว่างการรบ

                                                         พื้นดินที่ร้อนระอุราวกับนรกและเต็มไปด้วยกลิ่นศพจากทั้งสองฝ่าย

                                                                           ภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภาพหนึ่งจากการบที่แวร์เดิง

     กลางเดือนธันวาคมฝรั่งเศสเคลื่อนพลครั้งใหญ่ที่สุดในการรบที่แวร์เดิง พวกเขาใช้เวลา 6 วันยิงถล่มทหารเยอรมัน ด้วยปืนใหญ่จำนวน 1,169,000 นัดจากปืนใหญ่ 827 กระบอก การโจมตีครั้งสุดท้ายโดยมีเครื่องบินช่วยสังเกตุการณ์เริ่มต้นในวันที่ 15 ธันวาคม ทหารเยอรมันพยายามตั้งรับอยู่ในสนามเพลาะของตัวเองอย่างเข้มแข็งและอดทน ยิ่งรบกันนานขึ้นระยะห่างระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายก็ร่นเข้าใกล้มากขึ้นทุกที ทหารฝรั่งเศสภายใต้การยิงคุ้มกันจากปืนใหญ่รุกเข้าใกล้มากขึ้นมากขึ้นและมากขึ้น ท้ายที่สุดแนวต้านฝ่ายเยอรมันที่มีคนน้อยกว่าก็พังทลายลง ทหารที่เหลือจำนวนหมื่นกว่าคนถูกจับเป็นเชลยศึกสงครามเนื่องจากไม่มีคนมาช่วยออกไป กำลังเสริมของเยอรมันเดินทางมาสมทบช้าเกินไป จึงไม่สามารถฝ่าเข้ามายังพื้นที่ซึ่งมีการสู้รบได้ นายพลเยอรมันที่คุมกำลังหลักและกำลังเสริมถูกไล่ออกจากตำแหน่ง ปิดฉากยุทธการครั้งสำคัญที่มีคนตายรวมกันมากกว่า 3 แสนคนในเวลา 303 วัน รวมทั้งมีผู้ที่ยังสูญหายไปอีกเป็นจำนวนมาก ข้อมูลจากบางตำราระบุไว้ว่า ยอดรวมผู้เสียชีวิตและสูญหายทั้งหมดมีจำนวนสุงถึง 5 แสนคน แต่ถ้ารวมตัวเลขผู้บาดเจ็บเข้าไปด้วย ตัวเลขจะพุ่งถึง 9 แสนคนเลยทีเดียว

     ชัยชนะที่แวร์เดิงช่วยหล่อเลี้ยงกำลังใจฝ่ายสัมพันธ์มิตรให้มีแรงสู้ต่อ ฝรั่งเศสเป็นผู้มีชัยก็จริงอยู่ทว่าสูญเสียทหารไปในการรบมากกว่าฝ่ายเยอรมัน ผลจากการรบหลายสมรภูมิในปี 1916 ทำให้กองทัพฝรั่งเศสที่เหนื่อยล้าใกล้ล่มสลายเต็มที ส่วนกองทัพของอังกฤษก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนักไม่แพ้กัน  ขณะที่กองทัพเยอรมันซึ่งมีแผนการรบที่ทันสมัยกว่า และมีการป้องกันที่ยึดหยุ่นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สิ่งเดียวที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขามีชัยอย่างเด็ดขาดได้ก็คือความใหญ่โตของสงคราม แนวรบด้านตะวันตกเป็นแนวสนามเพลาะความยาวมากกว่า 9,600 กิโลเมตร ทั้งสองฝ่ายต้องใช้กำลังพลประมาณ 1.2 ล้านนายประจำการตลอดเวลา โดยไม่มีใครล่วงรู้ว่ามหาสงครามโลกครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่

     นักประวัติศาสตร์ เอ. เจ. พี. เทย์เลอร์กล่าวถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 เอาไว้ว่า  "ชีวิตมนุษย์ถูกสังเวยโดยเปล่าประโยชน์  ไม่มีรางวัลใดๆที่จะได้รับหรือสูญเสีย มีแต่การฆ่ามนุษย์และเกียรติศักดิ์แห่งการได้ชัยชนะเท่านั้น"



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิงจาก :

หนังสือ : ทหารอาสาสงครามโลกอนุสรณ์ พิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2497

http://en.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Verdun

http://www.ww1battlefields.co.uk/verdun/douaumont.html

http://en.wikipedia.org/wiki/Fort_Douaumont

http://www.kingsacademy.com/mhodges/03_The-World-since-1900/02_World-War-One/02c_1916-2.htm

http://www.oldpicz.com/battle-verdun/

http://www.huffingtonpost.com/joseph-v-micallef/this-week-in-world-war-i_b_9281672.html

http://leavehq.com/blogview.aspx?blogno=226

http://www.historyofwar.org/Pictures/pictures_75s_fort_douaumont.html




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น