ปีงบประมาณ 2531
กองทัพเรือไทยศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเรือสินค้าเก่า มาดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์เช่นเดียวกับเรือฝึกนักบินนาวีกองทัพเรืออังกฤษ
ก่อนได้พบว่าการดำเนินการดังกล่าวมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก โดยมีค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงเรือมากถึง
5-6,000 พันล้านบาท กองทัพเรือจึงได้พิจารณาแนวความคิดในการต่อเรือใหม่
จากการสอบถามราคาเรือขนาดประมาณ 5-8,000 ตันกับอู่ต่อเรือยุโรปหลายแห่ง
พบว่าอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกับการนำเรือสินค้ามาดัดแปลง
ต่อมาในปีงบประมาณ 2533 กองทัพเรือได้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆ
กระทั่งเสนอขออนุมัติว่าจ้างสร้างเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ จากบริษัทเบรเมอร์ วูลแคนประเทศเยอรมนีในราคาประมาณ
5,200 ล้านบาท วันที่ 22 มกราคม 2534
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองทัพเรือผูกพันงบประมาณ ถัดมาในวันที่ 8
กุมภาพันธ์ 2534 กองทัพเรือลงนามว่าจ้างสร้างเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์กับบริษัทเบรเมอร์
วูลแคน แต่แล้วในวันที่ 22 กรกฎาคม 2534 กองทัพเรือตัดสินใจยกเลิกสัญญาดังกล่าว เนื่องจากบริษัทเบรเมอร์ วูลแคนปฏิบัติผิดสัญญาไม่เป็นไปตามข้อตกลง
ข้อมูลขั้นต้นมาจากบทความ The
Off-Shore Navy ที่ผู้เขียนเคยเขียนถึงเมื่อนานมาแล้ว บทความนี้ผู้เขียนจะลงลึกรายละเอียดและสร้างแรงบันดาลใจไปพร้อมกัน
เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์
HC600
แบบเรือบริษัทบริษัทเบรเมอร์
วูลแคนที่ถูกคัดเลือกโดยกองทัพเรือ ใช้ชื่อว่า HC600 รูปร่างหน้าตาตามภาพประกอบที่หนึ่ง เรือมีระวางขับน้ำประมาณ 6,000
ตัน ยาว 127 เมตร กว้าง 29.8 เมตร กินน้ำลึก 5 เมตร ใช้ระบบขับเคลื่อน
CODOD ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลจำนวน 4 ตัว
ความเร็วสูงสุด 25 นอต ระยะปฏิบัติการไกลสุดไม่เกิน 13,000
ไมล์ทะเล ออกทะเลได้นานสุด 21 วัน
HC600 มีจุดขึ้นลงเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2
จุดที่หัวเรือกับท้ายเรือ พื้นที่ว่างกลางเรือมีจุดจอดเฮลิคอปเตอร์อีก
2 จุด มีลิฟต์ขนส่งอากาศยานจำนวน 1 ตัว
บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ Sea King มากสุดจำนวน 8 ลำ หรือปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งจำนวน 7 ลำ โดยที่เรือเวอร์ชันไทยจะติดอาวุธค่อนข้างมาก ทั้งแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน
Sea Sparrow จำนวน 1 แท่นยิง ปืนใหญ่ขนาด
76 มม.จำนวน 2 กระบอก
และปืนกลขนาด 30 มม.อีกจำนวน 4 กระบอก ส่วนปืนกลขนาด 40 มม.บนหลังคาห้องควบคุมอากาศยาน
ข้อเท็จจริงสมควรเป็นเรดาร์ควบคุมการยิงตัวที่สองสำหรับ Sea Sparrow
บริษัทเบรเมอร์
วูลแคนหาได้มีแบบเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์เพียงหนึ่งเดียว แท้จริงแล้วเรือในตระกูล HC
มีมากถึง 4 แบบเรือ ประกอบไปด้วยน้องเล็ก HC500 ขนาด 110 เมตร ถัดไปคือน้องสาม HC600 ขนาด 127 เมตร ถัดไปคือน้องรอง HC800 ขนาด 151 เมตร ปิดท้ายด้วยพี่ใหญ่ HC1100 ขนาด 170 เมตร
ข้อผิดพลาดส่งผลให้กองทัพเรือยกเลิกสัญญาบริษัทเบรเมอร์
วูลแคน เกิดจากรัฐบาลเยอรมันอนุมัติการขายเรือให้กับประเทศไทยค่อนข้างล่าช้า บริษัทเบรเมอร์
วูลแคนส่งเรื่องขออนุมัติล่วงหน้าก่อนทำสัญญาอย่างเป็นทางการ
ให้บังเอิญไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก ผลลัพธ์ตามมาบริษัทเบรเมอร์
วูลแคนต้องสูญเสียลูกค้าคนสำคัญ ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินกระทั่งทำให้บริษัทต้องปิดกิจการในเวลาต่อมา
การสูญเสียแบบเรือ HC600 ส่งผลต่อราชนาวีไทยมากเช่นกัน เพราะต้องปรับแผนเปลี่ยนมาจัดหาเรือขนาดใหญ่กว่าเดิม
แล้วยังบานปลายซื้อเครื่องบินขึ้นลงแทนดิ่งสภาพแก่ชรามาใช้งานอีก 10 ลำ (ตกก่อนส่งมอบ 1 ลำ)
ส่งผลให้เรือไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
ระบบอาวุธบนเรือก็แตกต่างจาก HC600 ชนิดฟ้ากับเหว จะไปไหนมาไหนต้องมีเรือฟริเกตทำหน้าที่คุ้มกัน
รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการใช้เรือสูงขึ้นตามระวางขับน้ำ
นับต่อจากนี้ผู้เขียนจะติ๊งต่างว่า…ระหว่างปี 2534 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเล็งเห็นภัยร้ายจากการขยายอิทธิพลของประเทศจีน
จึงให้การสนับสนุนกองทัพไทยด้วยวิธีการต่างๆ นานา ทั้งเรื่องขายอาวุธมือหนึ่งและมือสองในราคามิตรภาพ
ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ทหารให้มีความรู้ความสามารถ
ที่สำคัญมีการฝึกสอนการวางแผนจัดหาอาวุธระยะยาวอย่างเป็นระบบ
เมื่อรู้ว่ากองทัพเรือตั้งใจจัดหาเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์
ตัวแทนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้ความเห็นว่าอย่ากระนั้นเลย เราขอแนะนำให้ท่านจัดหาเรือขนาดใหญ่กว่าเดิม
สามารถใช้งานเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งได้อย่างสะดวกสบาย
ทางเราจะช่วยสนับสนุนและมอบของขวัญล้ำค่าแทนใจ ส่วนจะเป็นสิ่งใดขออนุญาตแจ้งผ่านท่านนายกรัฐมนตรีในภายหลัง
กองทัพเรือได้รับแจ้งข่าวพลันยกเลิกการเซ็นสัญญากับบริษัทเบรเมอร์
วูลแคน พร้อมกับสอบถามท่านมีเรือบรรทุกเครื่องบินติดลานสกีจัมป์หรือไม่
ข้าพเจ้าต้องการใช้งานร่วมกับเครื่องบินขับไล่โจมตี Harrier ที่สหรัฐอเมริกาตั้งใจมอบให้
บริษัทเบรเมอร์ วูลแคนให้คำตอบอย่างรวดเร็วว่า
เรามีแบบเรือพี่ใหญ่ที่เหมาะสมกับความต้องการ ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติรับฟังข้อมูลทั้งหมดได้ที่สำนักงานใหญ่
เรือบรรทุกเครื่องบิน
HC1100
ภาพประกอบที่สามคือแบบเรือบรรทุกเครื่องบินลานสกีจัมป์
HC1100 ซึ่งถือเป็นพี่ใหญ่ เรือมีระวางขับน้ำประมาณ 11,000 ตัน ยาว 170 เมตร กว้าง 32 เมตร
กินน้ำลึก 6.1 เมตร ใช้ระบบขับเคลื่อน CODOG ติดตั้งเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์จำนวน 2 ตัวกับเครื่องยนต์ดีเซลจำนวน
2 ตัว ความเร็วสูงสุดมากกว่า 26 นอต
ระยะปฏิบัติการไกลสุด 10,000 ไมล์ทะเล ออกทะเลได้นานสุด 21
วัน ใช้ลูกเรือจำนวน 455 นาย
แบบเรือ HC1100
มีจุดติดตั้งอาวุธจำนวน 3 จุด บริเวณหัวเรือ 2
จุดกับท้ายเรืออีก 1 จุด เสากระโดงติดตั้งเรดาร์ตรวจการณ์ระยะกลางกับระยะไกลอย่างละ
1 ตัว มีจุดขึ้นลงเฮลิคอปเตอร์จำนวน 4 จุด มีลิฟต์ขนส่งอากาศยานจำนวน
2 ตัว บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ Sea King มากสุดจำนวน
14 ลำ หรือเปลี่ยนเป็นเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งจำนวน 10
ลำ
กองทัพเรือค่อนข้างพอใจแบบเรือ HC1100 บังเอิญที่ปรึกษาชาวสหรัฐอเมริกาให้คำแนะนำว่า
สมควรขยายขนาดเรือให้ยาวกว่าเดิ มด้วยเหตุผลหลักสองประการ
1.นอกจากเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งจำนวน
10 ลำ เรือสมควรบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ขนาด 10 ตันเพิ่มจำนวน 2 ลำ สำหรับภารกิจค้นหากู้ภัย ลำเลียง
และปราบเรือดำน้ำ
2.ลานบินสมควรยาวกว่านี้สักสิบกว่าเมตร
เมื่อเครื่องบินแล่นผ่านสกีจัมป์เพื่อไต่ระดับขึ้นสู่ฟากฟ้า
จะมีความเร็วมากกว่าเดิมไต่ระดับง่ายกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขึ้นบินโดยแบกอาวุธค่อนข้างหนัก
ในการรบจริงจะช่วยให้นักบินทำงานง่ายขึ้นความเครียดลดลง
บริษัทเบรเมอร์
วูลแคนนำคำแนะนำทั้งหมดไปปรับปรุงแก้ไข
กระทั่งได้เรือบรรทุกเครื่องบินลานสกีจัมป์ลำใหม่ที่ปิดจุดอ่อนทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น
เรือบรรทุกเครื่องบิน
HC1200
เทียบกับแบบเรือ HC1100 ซึ่งถือเป็นเรือต้นแบบ HC1200 มีระวางขับน้ำประมาณ 12,000
ตันเพิ่มขึ้น 1000 ตัน ยาว 183 เมตรเพิ่มขึ้น 13 เมตร
บรรทุกเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งจำนวน 10 ลำกับเฮลิคอปเตอร์ขนาด
10 ตันจำนวน 2 ลำตรงตามความต้องการ มีจุดขึ้นลงเฮลิคอปเตอร์จำนวน 5 จุดเพิ่มขึ้น 1 จุด ส่งผลให้การทำภารกิจสะดวกสบายมากกว่าเดิม โดยปรับปรุงแบบเรือเพียงเล็กน้อยตามคำแนะนำบุคคลผู้มีประสบการณ์
กองทัพเรือไทยเห็นแบบเรือตัดสินใจวางเงินจองอย่างรวดเร็ว
วันที่ 17 มีนาคม 2535 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองทัพเรือ ว่าจ้างสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวน
1 ลำ จากบริษัทเบรเมอร์ วูลแคน ประเทศเยอรมันในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล
ต่อมาในวันที่ 27 มีนาคม 2535 กองทัพเรือลงนามสัญญาว่าจ้างสร้างเรือกับบริษัทเบรเมอร์
วูลแคนในวงเงินประมาณ 7,500 ล้านบาท และในวันที่ 31 ตุลาคม 2535 คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้กองทัพเรือจัดซื้อเครื่องมือและส่วนสนับสนุน
รวมทั้งระบบอาวุธป้องกันตนเองระยะประชิดในวงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ราคารวมทั้งโครงการประมาณ 10,500 ล้านบาทแพงขึ้นสองเท่าตัวพอดิบพอดี
ภาพประกอบที่สี่คือเรือหลวงจักรนฤเบศร HC1200 หลังเข้าประจำการปี 2540
นอกจากเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ S-70B SEA HAWK จำนวน 6 ลำในวงเงิน
3,600 ล้านบาท สหรัฐอเมริกายังมอบของขวัญล้ำค่าเครื่องบินขับไล่โจมตี
AV-8B Harrier II อายุใช้งานเพียง 5
ปีจำนวน 6 ลำ
ประกอบไปด้วยรุ่นที่นั่งเดี่ยวจำนวน 5 ลำใช้งานบนเรือ
กับรุ่นสองที่นั่งจำนวน 1 ลำใช้ฝึกนักบินบนบก
โดยคิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงตามวงรอบ อะไหล่จำนวนหนึ่ง และการฝึกสอนนักบินกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเพียง
1,200 ล้านบาท
เท่ากับว่าเรือหลวงเรือหลวงจักรนฤเบศร HC1200 ประจำการเครื่องบินขับไล่โจมตี AV-8B Harrier II จำนวน 5 ลำ (เท่าเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Invincible
ในยามปรกติ) กับเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ S-70B
SEA HAWK จำนวน 6 ลำ อากาศยานทั้ง 11 ลำมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 35 ปี
มีอะไหล่สำหรับซ่อมบำรุงยาวนานใกล้เคียงกัน เรือใหญ่ที่สุดของไทยลำนี้จะมีเขี้ยวเล็บแหลมคมยาวนานใกล้เคียงอายุเรือ
ระบบอาวุธป้องกันตัวประกอบไปด้วย
ระบบป้องกันตัวเองระยะประชิด Phalanx Block 1 รุ่นใหม่ล่าสุดจำนวน
3 ระบบ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาช่วยจ่ายเงินเป็นจำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ หลังคาห้องควบคุมอากาศยานติดตั้งระบบป้องกันตัวเองระยะประชิด Sadral
อีก 1 ระบบ สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน
Mistral จำนวน 6 นัด แม้ติดตั้ง Sadral เพียงจุดเดียวทว่ามุมยิงครอบคลุม 360 องศา เท่ากับว่าในการป้องกันตัวเองเรือจะใช้
Mistral ยิงสกัดที่ระยะ 6 กิโลเมตร
หากหลุดเข้ามาให้เป็นหน้าที่ Phalanx ในระยะ 2 กิโลเมตร รวมทั้งยังมีปืนกลขนาด 12.7 มม.ติดรอบลำเรือจำนวน 8 กระบอก
หมายเหตุ :
Phalanx กระบอกท้ายเรือผู้เขียนวัดอย่างละเอียดแล้ว ปืนหมุนได้ 360
องศาไม่ถูกเสาบังแต่อย่างใด สามารถยิงสกัดเป้าหมายสองกราบเรือได้อย่างราบรื่น
ระบบตรวจจับบนเรือประกอบไปด้วย
เรดาร์เดินเรือจำนวน 2 ตัว
เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศระยะไกล LW08 เหมือนเรือหลวงนเรศวร
เรดาร์ตรวจการณ์ระยะกลาง Type 360 เหมือนเรือหลวงนเรศวร
ระบบสื่อสารทั้งหมดเหมือนเรือหลวงนเรศวร ส่วนระบบอำนวยการรบยังไม่ติดเนื่องจากงบประมาณหมดเสียก่อน
บทสรุป
เรือหลวงจักรนฤเบศร
HC1200
ช่วยเติมเต็มความต้องการราชนาวีไทย ช่วยให้กองบินทหารเรือมีเครื่องบินขับไล่โจมตีใช้งานอย่างยาวนาน
เรือหลวงจักรนฤเบศร HC1200 ยังช่วยประคับประคองบริษัทเบรเมอร์
วูลแคน ให้กลับมาทำธุรกิจได้เหมือนเก่าไม่ล้มหายตายจากไปเสียก่อน
ถือเป็นแบบเรือค่อนข้างเหมาะสมกับประเทศเบี้ยน้อยหอยน้อย แต่ต้องการเวหานุภาพช่วยปกป้องกองเรือตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย
อ้างอิงจาก