วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Frigate 4000

 

ในงานแสดงอาวุธ MADAX 2025 ซึ่งถูกจัดขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ บริษัท Hanwha Ocean นำแบบเรือฟริเกตรุ่นส่งออกลำใหม่มาเปิดตัวในงาน และถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่าเรือฟริเกตชั้น Frigate 4000

รูปร่างหน้าตาเรือมิตรรักแฟนเพลงชาวไทยค่อนข้างคุ้นเคยเป็นอย่างดี เหตุผลก็คือแบบเรือถูกปรับปรุงจากเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชของราชนาวีไทย

Frigate 4000 มีความยาวประมาณ 124 เมตร กว้าง 14.4 เมตร กินน้ำลึกสุด 8 เมตร ระวางขับน้ำ 3,750 ตัน ใกล้เคียงเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชซึ่งปรับปรุงจากแบบเรือ DW 3000F อีกหนึ่งทอด ส่งผลให้หัวเรือค่อนข้างยาวและแหลม สะพานเดินเรือค่อนข้างสูง แหล่งข่าวในงานแจ้งว่าบริษัท Hanwha Ocean ตั้งใจเสนอแบบเรือ Frigate 4000 ให้กับราชนาวีไทย ในโครงการจัดหาเรือฟริเกตรุ่นใหม่มูลค่าลำล่ะ 17,500 ล้านบาท

ชมภาพประกอบที่หนึ่งไปพร้อมกัน เพราะเป็นเรือรุ่นส่งออกที่ยังไม่ได้ปรับปรุงตามความต้องการลูกค้า ระบบเรดาร์กับระบบอำนวยการรบใช้ของเกาหลีใต้ไปก่อน หัวเรือติดปืนใหญ่ขนาด 76/62 มม.ถัดไปเล็กน้อยคือแท่นยิงแนวดิ่งจำนวน 16 ท่อยิงติดตั้งตามยาว ขนาบข้างด้วยแท่นยิงเป้าลวงตอร์ปิโดจำนวน 12 แท่นยิง หน้าสะพานเดินเรือยกสูงเล็กน้อยประมาณหนึ่งฟุต ติดตั้งเสาเหล็กสำหรับรับ/ส่งสิ่งของกลางทะเล กับแท่นยิง SIMBAD-RC สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน Mistral 3 จำนวน 2 ท่อยิง

เหตุผลที่ติดตั้งแท่นยิง SIMBAD-RC นั้นมีอยู่ว่า ต้องการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน Mistral 3 ยิงสกัดอากาศยานไร้คนขับชนิดต่างๆ เหตุผลก็คือ Mistral 3 ราคาถูกที่สุด ติดตั้งง่ายที่สุด อีกไม่กี่ปีจะมีแท่นยิง SIMBAD-RC4 ขนาด 4 ท่อยิงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก การติดตั้ง SIMBAD-RC เพิ่มเติมเข้ามาของบริษัท Hanwha Ocean เพื่อให้ตัวเองสามารถโม้ได้ว่าเรือทำภารกิจต่อต้านอากาศยานไร้คนขับได้

ภาพประกอบที่สองเป็นบั้นท้ายเรือที่ทุกคนคุ้นเคย ลานจอดกับโรงเก็บรองรับเฮลิคอปเตอร์ขนาด 10 ตัน มีจุดติดตั้งโซนาร์ลากท้ายรุ่นใหม่ทันสมัยหากลูกค้าอยากเสียเงินเพิ่ม บนหลังคาโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ติดตั้งปืนกลอัตโนมัติขนาด 30 มม.จำนวน 2 กระบอก ออปโทรนิกส์ควบคุมการยิงจำนวน 2 ตัว และแท่นยิง SIMBAD-RC อีก 1 แท่นยิง ส่วนจุดติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ แท่นยิงตอร์ปิโดเบาปราบเรือดำน้ำ เป้าลวงอาวุธปล่อยนำวิถี และจุดรับส่งเรือยางท้องแข็ง เหมือนเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชชนิดต่อให้หลับตาเดินก็ไม่เตะ

ข้อแตกต่างอย่างชัดเจนเกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ Frigate 4000 ใช้ระบบขับเคลื่อน CODAD เครื่องยนต์ดีเซลล้วน ความเร็วสูงสุด 27 นอต ส่วนเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชใช้ระบบขับเคลื่อน CODAG เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์กับดีเซล ความเร็วสูงสุด 33 นอต ทั้งนี้ทั้งนั้นระบบขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการลูกต้า ส่วนเปลี่ยนแล้วใช้งานดีหรือเปลี่ยนแล้วใช้งานไม่กี่ปีเครื่องยนต์พังขึ้นอยู่กับแต้มบุญหนุนนำ

คำถามในเมื่อบริษัท Hanwha Ocean ตั้งใจเสนอแบบเรือ Frigate 4000 ให้กับราชนาวีไทย บังเอิญแบบเรือมีหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างจากเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เราจะซื้อมาใช้งานโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุงได้หรือไม่?

คำตอบได้แน่นอน

ระบบขับเคลื่อนเปลี่ยนเป็น CODAG ได้แน่นอน ระบบเรดาร์กับระบบอำนวยการรบเปลี่ยนเป็นบริษัท SAAB ได้แน่นอน รบกวนเพื่อนๆ สมาชิกชมภาพประกอบที่สามกันสักนิด แม้แบบเรือ Frigate 4000 ไม่มีเสากระโดงรองสำหรับติดตั้งเรดาร์ตรวจการณ์ระยะกลาง แต่มีพื้นที่ว่างหน้าปืนกลอัตโนมัติขนาด 30 มม.พอสมควร สามารถสร้างเสากระโดงรองเหมือนเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชได้แน่นอน การติดตั้งระบบเรดาร์จึงทำได้เหมือนเรือต้นฉบับทุกประการ

คำถามส่วนที่แตกต่างอยู่ตรงไหน?

คำตอบอยู่ที่หัวเรือ

เพื่อนๆ สมาชิกชมภาพประกอบที่สี่กันต่อ

ภาพซ้ายมือเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชกำลังยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน ESSM เนื่องจากเกาหลีใต้ออกแบบหัวเรือสูงจากระดับน้ำไม่มาก ติดตั้งแท่นยิงแนวดิ่งบนดาดฟ้าเรือตรงๆ ไม่ได้เนื่องจากความสูงไม่พอ จำเป็นต้องสร้างดาดฟ้าเรือชั้นที่สองหลังปืนใหญ่ขนาด 76/62 มม.รองรับแท่นยิงแนวดิ่งจำนวน 8 ท่อยิงไม่มากไปกว่านี้ ขนาบสองฝั่งด้วยเสาเหล็กสำหรับรับ/ส่งสิ่งของกลางทะเล และมีพื้นที่ว่างหน้าสะพานเดินเรือมากพอสมควร

พื้นที่ว่างหน้าสะพานเดินเรือออกแบบมาเพื่อติดตั้งระบบป้องกันตัวเองระยะประชิด Phalanx บังเอิญลูกค้าเปลี่ยนใจอยากย้าย Phalanx มาติดบนหลังคาโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ พื้นที่ดังกล่าวจึงใช้ติดตั้งแท่นยิงเป้าลวงตอร์ปิโดจำนวน 12 แท่นยิง

เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชมีสะพานเดินเรือรูปทรงห้าเหลี่ยม ภาพรวมคล้ายเรือ LCS ชั้น Independence กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา เพื่อนๆ สมาชิกหันมาพิจารณาภาพขวามือกันบ้าง สะพานเดินเรือของแบบเรือ Frigate 4000 รูปทรงหกเหลี่ยมแต่คล้ายกันมาก พูดง่ายๆ ก็คือความแหลมถูกเฉือนออกไปเล็กน้อย นี่คือความเปลี่ยนแปลงจุดที่หนึ่งของเรือ

ความเปลี่ยนแปลงจุดที่สองอยู่ที่ความทันสมัยหัวเรือ แม้หัวเรือจะมีความสูงเท่าเดิมเมื่อพิจารณาจากภาพประกอบ (ลำจริงหัวเรืออาจสูงกว่านี้ก็เป็นได้) ทว่า Hanwha Ocean ออกแบบหัวเรือให้ราบเรียบเหมือนเรือฟริเกตรุ่น Full Steath ของแท้ จุดผูกเชือกเรือกับรอกสมอเรือย้ายมาอยู่ใต้ดาดฟ้าเรือ ส่วนแท่นยิงแนวดิ่ง 16 ท่อยิงติดบนดาดฟ้าเรือหลังปืนใหญ่ขนาด 76/62 มม.

เท่ากับว่า Frigate 4000 มีความทันสมัยกว่าเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช

เท่ากับว่า Frigate 4000 มีความเหมือนเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์

ส่วนจะจัดเป็นเรือชั้นเดียวกันหรือไม่เรื่องนี้เกินความรู้ความสามารถผู้เขียน

ข้อสังเกตเล็กน้อยแต่ไม่น่าน้อยสักเท่าไร โมเดลแบบเรือ Frigate 4000 แม้ออกแบบหัวเรือใหม่ทันสมัยมากขึ้น ทว่าหัวเรือกลับสูงเท่าเดิมแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลง จุดติดตั้งแท่นยิงแนวดิ่งย่อมกินพื้นที่ลึกกว่าเดิมนิดหน่อย และต้องเสียพื้นที่ใต้ดาดฟ้าเรือสำหรับจุดผูกเชือกเรือกับรอกสมอเรือ ถ้าออกแบบให้หัวเรือสูงกว่าเดิมประมาณ 1.7 เมตรเทียบเท่าดาดฟ้าเรือชั้นสองเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช น่าจะเหมาะสมมากกว่า มีพื้นที่ใช้งานมากกว่า สวยกว่า ดุดันกว่า และเผชิญหน้าคลื่นลมแรงได้ดีกว่า

การออกแบบกลับทำให้ทุกคนเห็นว่าหัวเรือเตี้ยกว่าเดิมโดยไม่ได้ตั้งใจ

เป็นข้อตำหนิเล็กๆ ที่ผู้เขียนบังเอิญมองเห็นจากแบบเรือ

ปล.เรือฟริเกต Frigate 4000 ลำจริงอาจแตกต่างจากโมเดลเรือหยาบๆ ตามภาพประกอบ

อ้างอิงจาก

https://www.navalnews.com/event-news/madex-2025/2025/07/new-destroyers-and-export-frigates-by-hanwha-ocean-at-madex-2025/

https://www.janes.com/osint-insights/defence-news/sea/madex-2025-hanwha-positions-frigate-4000-for-thai-navy-requirements

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น