วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568

DW 2000H

 

เรือฟริเกตรุ่นส่งออกลำแรกของเกาหลีใต้ กับสงครามใหญ่ระหว่างผู้หญิงสองคน

ระหว่างปี 1994 รัฐบาลบังกลาเทศภายใต้การนำนายกรัฐมนตรีหญิง Khaleda Zia ต้องการจัดหาเรือฟริเกตติดอาวุธ 3 มิติรุ่นใหม่ทันสมัยให้กับกองทัพเรือ ความพยายามผลักดันโครงการในครั้งแรกประสบความล้มเหลว รัฐบาลมีงบประมาณไม่เพียงพอในการจัดสรรให้กับกองทัพเรือ ประกอบกับพรรค BNP แกนนำรัฐบาลกำลังอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้การเลือกตั้งในปี 1996 นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของบังกลาเทศประสบความแพ้พ่าย ต้องยกตำแหน่งผู้นำประเทศให้กับ Sheikh Hasina จากพรรค Awami League เท่ากับว่าบังกลาเทศมีนายกรัฐมนตรีหญิงสองคนติดกัน

         หลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เพียงไม่กี่เดือน Sheikh Hasina ประกาศเดินหน้าโครงการจัดหาเรือฟริเกตติดอาวุธ 3 มิติต่อ มีบริษัทเอกชนต่างชาติ 9 แห่งเสนอแบบเรือเข้าร่วมชิงชัย และผู้ชนะเลิศได้แก่แบบเรือ DW 2000H จากบริษัท Daewoo ประเทศเกาหลีใต้ ต้นปี 1999 มีการเซ็นสัญญาสร้างเรือ วันที่ 12 พฤษภาคม 1999 มีการประกอบพิธีวางกระดูกงู วันที่ 29 สิงหาคม 2000 มีการประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ และในวันที่ 20 มิถุนายน 2001 มีการประกอบพิธีเข้าประจำการ กองทัพเรือบังกลาเทศตั้งชื่อเรือฟริเกตใหม่เอี่ยมลำนี้ว่า BNS Khalid Bin Walid


         แบบเรือ DW 2000H ถูกดัดแปลงจากเรือฟริเกตชั้น Ulsan กองทัพเรือเกาหลีใต้ โดยการเพิ่มโรงเก็บกับลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางบริเวณบั้นท้าย เรือมีระวางขับน้ำ 2,350 ตัน ยาว 103.7 เมตร กว้าง 12.5 เมตร กินน้ำลึก 3.8 เมตร ใช้ระบบขับเคลื่อน CODOG เหมือนเรือหลวงตากสิน ความเร็วสูงสุด 34 นอต หากใช้งานเพียงเครื่องยนต์ดีเซล 2 ตัวยังทำความเร็วได้มากถึง 28 นอต เป็นเรือฟริเกตดีที่สุด ใหม่ที่สุด ทันสมัยที่สุด และติดอาวุธหนักที่สุดของกองทัพเรือบังกลาเทศ

         หน้าที่หลักของเรือคือรักษาความปลอดภัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ต่อต้านการก่อการร้ายทางทะเล การสร้างมลพิษทางสิ่งแวดล้อม และการลักลอบขนของผิดกฎหมาย กองทัพสามารถนำเรือไปใช้ในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยได้ ระบบอาวุธป้องกันตัวประกอบไปด้วย ปืนใหญ่ขนาด 76 มม.จำนวน 1 กระบอก ปืนกลขนาด 40 มม.ลำกล้องแฝดจำนวน 2 กระบอก ตอร์ปิโดเบาปราบเรือดำน้ำจำนวน 6 ท่อยิง และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ OTOMAT Mk2 ระยะยิง 180 กิโลเมตรจำนวน 4 นัด โดยใช้ระบบเรดาร์และระบบอำนวยการรบจากบริษัท Thales ประเทศเนเธอร์แลนด์

         Sheikh Hasina คือผู้จัดตั้งโครงการจัดหาเรือฟริเกตจากเกาหลีใต้ เธอได้ชื่นชมความสำเร็จร่วมกับประชาชนชาวบังกลาเทศแค่เพียงไม่นาน ผลการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม 2001 พรรค Awami League พ่ายแพ้ต่อพรรค BNP ที่กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง Khaleda Zia จัดตั้งรัฐบาลผสม 4 พรรคขึ้นครองตำแหน่งผู้นำประเทศสมัยที่สอง สิ่งแรกที่เธอทำคือการทวงแค้นต่อศัตรูหมายเลขหนึ่ง เล็งเป้าหมายมาที่เรือฟริเกตลำแรกที่เกาหลีใต้สร้างขายต่างชาติ

         วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2002 หลังการเลือกตั้งเพียงไม่กี่เดือน เรือฟริเกต BNS Khalid Bin Walid ถูกปลดประจำการโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรีหญิง Khaleda Zia เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเรือไม่พร้อมใช้งานเพราะประสบปัญหาหลายอย่าง ต้องส่งกลับคืนให้บริษัท Daewoo แก้ไขเพราะยังอยู่ในประกัน จากนั้นไม่นานสำนักงานปราบปรามการทุจริตออกมาตามซ้ำดาบสอง โดยให้ข่าวว่าโครงการจัดหาเรือฟริเกตสมัย Sheikh Hasina เป็นนายกรัฐมนตรีมีความผิดปรกติ บริษัทจีนเสนอราคาต่ำสุด 68 ล้านเหรียญไม่ได้รับการคัดเลือก ส่วนข้อเสนอของ Daewoo ราคารวมทั้งโครงการเท่ากับ 99.97 ล้านเหรียญ อยู่ในอันดับ 4 จาก 9 บริษัทกลับได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาล ทั้งที่บริษัทจากเกาหลีใต้ไม่มีความชำนาญเรื่องการสร้างเรือ

         รัฐบาลตัดสินใจฟ้อง Sheikh Hasina และเจ้าหน้าที่จำนวน 5 คนในข้อหาทุจริต รวมทั้งอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ Nurul Islam วันที่ 30 สิงหาคม 2003 ผู้นำฝ่ายค้านหญิงเดินทางมาศาล ก่อนได้รับการประกันตัวคดีทุจริตซื้อเรือฟริเกตจากเกาหลีใต้ ในช่วงเวลาที่เธอดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ประเทศสูญเสียเงินจากการทุจริตมากถึง 88 ล้านเหรียญ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดเธออาจถูกติดคุกเป็นเวลามากถึง 5 ปี

         การต่อสู้ระหว่างนายกรัฐมนตรีหญิงกับอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ส่งผลให้ประเทศเกิดความแตกแยกแบ่งออกเป็นสองข้าง สถานการณ์การเมืองวุ่นวายเสียจนควบคุมไม่ได้ เมื่อรัฐบาลร่วมภายใต้การนำพรรค BNP หมดอำนาจตามวาระในปี 2006 การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด มีการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการโดยคำสั่งประธานาธิบดีขึ้นมาทำหน้าที่ เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติและแก้ไขปัญหามากมายอันเกิดจากสนิมเนื้อใน

         เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลปกครองประเทศ ผู้โชคร้ายในสงครามใหญ่ระหว่างผู้หญิงสองคนพลันได้รับการเหลียวแล วันที่ 12 กรกฎาคม 2007 มีการประกอบพิธีเข้าประจำการเรือฟริเกต BNS Khalid Bin Walid ครั้งที่สอง ต่อมาในวันที่ 9 มกราคม 2009 มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ Sheikh Hasina ออกจากคุกกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงสมัยที่สอง งานแรกที่เธอให้กับเรือฟริเกตลำโปรดก็คือ เปลี่ยนชื่อเรือจาก BNS Khalid Bin Walid เป็น BNS Bangabandhu และติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน HQ-7 ขนาด 8 ท่อยิงบริเวณหน้าสะพานเดินเรือ ส่งผลให้เรือสามารถทำภารกิจครบ 3 มิติสมความตั้งใจ และอยู่รับใช้ชาติเป็นเดอะแบกบังกลาเทศจนถึงปัจจุบัน