เรือฟริเกตรุ่นส่งออกลำแรกของเกาหลีใต้
กับสงครามใหญ่ระหว่างผู้หญิงสองคน
ระหว่างปี 1994
รัฐบาลบังกลาเทศภายใต้การนำนายกรัฐมนตรีหญิง Khaleda Zia ต้องการจัดหาเรือฟริเกตติดอาวุธ 3 มิติรุ่นใหม่ทันสมัยให้กับกองทัพเรือ
ความพยายามผลักดันโครงการในครั้งแรกประสบความล้มเหลว รัฐบาลมีงบประมาณไม่เพียงพอในการจัดสรรให้กับกองทัพเรือ
ประกอบกับพรรค BNP แกนนำรัฐบาลกำลังอยู่ในช่วงขาลง
ส่งผลให้การเลือกตั้งในปี 1996 นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของบังกลาเทศประสบความแพ้พ่าย
ต้องยกตำแหน่งผู้นำประเทศให้กับ Sheikh Hasina จากพรรค Awami
League เท่ากับว่าบังกลาเทศมีนายกรัฐมนตรีหญิงสองคนติดกัน
หลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เพียงไม่กี่เดือน
Sheikh
Hasina ประกาศเดินหน้าโครงการจัดหาเรือฟริเกตติดอาวุธ 3 มิติต่อ มีบริษัทเอกชนต่างชาติ 9 แห่งเสนอแบบเรือเข้าร่วมชิงชัย
และผู้ชนะเลิศได้แก่แบบเรือ DW 2000H จากบริษัท
Daewoo ประเทศเกาหลีใต้ ต้นปี 1999 มีการเซ็นสัญญาสร้างเรือ
วันที่ 12 พฤษภาคม 1999 มีการประกอบพิธีวางกระดูกงู
วันที่ 29 สิงหาคม 2000 มีการประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ
และในวันที่ 20 มิถุนายน 2001 มีการประกอบพิธีเข้าประจำการ
กองทัพเรือบังกลาเทศตั้งชื่อเรือฟริเกตใหม่เอี่ยมลำนี้ว่า BNS Khalid Bin
Walid
แบบเรือ
DW
2000H ถูกดัดแปลงจากเรือฟริเกตชั้น Ulsan กองทัพเรือเกาหลีใต้ โดยการเพิ่มโรงเก็บกับลานจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางบริเวณบั้นท้าย
เรือมีระวางขับน้ำ 2,350 ตัน ยาว 103.7 เมตร กว้าง 12.5 เมตร กินน้ำลึก 3.8 เมตร ใช้ระบบขับเคลื่อน CODOG เหมือนเรือหลวงตากสิน
ความเร็วสูงสุด 34 นอต หากใช้งานเพียงเครื่องยนต์ดีเซล 2
ตัวยังทำความเร็วได้มากถึง 28 นอต เป็นเรือฟริเกตดีที่สุด
ใหม่ที่สุด ทันสมัยที่สุด และติดอาวุธหนักที่สุดของกองทัพเรือบังกลาเทศ
หน้าที่หลักของเรือคือรักษาความปลอดภัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ต่อต้านการก่อการร้ายทางทะเล การสร้างมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
และการลักลอบขนของผิดกฎหมาย กองทัพสามารถนำเรือไปใช้ในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยได้
ระบบอาวุธป้องกันตัวประกอบไปด้วย ปืนใหญ่ขนาด 76 มม.จำนวน 1 กระบอก ปืนกลขนาด 40 มม.ลำกล้องแฝดจำนวน 2 กระบอก
ตอร์ปิโดเบาปราบเรือดำน้ำจำนวน 6 ท่อยิง
และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้เรือรบ OTOMAT Mk2 ระยะยิง 180
กิโลเมตรจำนวน 4 นัด
โดยใช้ระบบเรดาร์และระบบอำนวยการรบจากบริษัท Thales ประเทศเนเธอร์แลนด์
Sheikh
Hasina คือผู้จัดตั้งโครงการจัดหาเรือฟริเกตจากเกาหลีใต้ เธอได้ชื่นชมความสำเร็จร่วมกับประชาชนชาวบังกลาเทศแค่เพียงไม่นาน
ผลการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม 2001 พรรค Awami League พ่ายแพ้ต่อพรรค BNP ที่กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง
Khaleda Zia จัดตั้งรัฐบาลผสม 4 พรรคขึ้นครองตำแหน่งผู้นำประเทศสมัยที่สอง
สิ่งแรกที่เธอทำคือการทวงแค้นต่อศัตรูหมายเลขหนึ่ง
เล็งเป้าหมายมาที่เรือฟริเกตลำแรกที่เกาหลีใต้สร้างขายต่างชาติ
วันที่
13 กุมภาพันธ์ 2002 หลังการเลือกตั้งเพียงไม่กี่เดือน เรือฟริเกต BNS
Khalid Bin Walid ถูกปลดประจำการโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรีหญิง Khaleda
Zia เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเรือไม่พร้อมใช้งานเพราะประสบปัญหาหลายอย่าง
ต้องส่งกลับคืนให้บริษัท Daewoo แก้ไขเพราะยังอยู่ในประกัน
จากนั้นไม่นานสำนักงานปราบปรามการทุจริตออกมาตามซ้ำดาบสอง โดยให้ข่าวว่าโครงการจัดหาเรือฟริเกตสมัย
Sheikh Hasina เป็นนายกรัฐมนตรีมีความผิดปรกติ บริษัทจีนเสนอราคาต่ำสุด
68 ล้านเหรียญไม่ได้รับการคัดเลือก ส่วนข้อเสนอของ Daewoo ราคารวมทั้งโครงการเท่ากับ
99.97 ล้านเหรียญ อยู่ในอันดับ 4 จาก 9 บริษัทกลับได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาล ทั้งที่บริษัทจากเกาหลีใต้ไม่มีความชำนาญเรื่องการสร้างเรือ
รัฐบาลตัดสินใจฟ้อง
Sheikh
Hasina และเจ้าหน้าที่จำนวน 5 คนในข้อหาทุจริต
รวมทั้งอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ Nurul Islam วันที่ 30
สิงหาคม 2003 ผู้นำฝ่ายค้านหญิงเดินทางมาศาล ก่อนได้รับการประกันตัวคดีทุจริตซื้อเรือฟริเกตจากเกาหลีใต้
ในช่วงเวลาที่เธอดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ประเทศสูญเสียเงินจากการทุจริตมากถึง
88 ล้านเหรียญ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดเธออาจถูกติดคุกเป็นเวลามากถึง
5 ปี
การต่อสู้ระหว่างนายกรัฐมนตรีหญิงกับอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง
ส่งผลให้ประเทศเกิดความแตกแยกแบ่งออกเป็นสองข้าง
สถานการณ์การเมืองวุ่นวายเสียจนควบคุมไม่ได้ เมื่อรัฐบาลร่วมภายใต้การนำพรรค BNP
หมดอำนาจตามวาระในปี 2006 การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
มีการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการโดยคำสั่งประธานาธิบดีขึ้นมาทำหน้าที่ เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติและแก้ไขปัญหามากมายอันเกิดจากสนิมเนื้อใน
เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลปกครองประเทศ
ผู้โชคร้ายในสงครามใหญ่ระหว่างผู้หญิงสองคนพลันได้รับการเหลียวแล วันที่ 12
กรกฎาคม 2007
มีการประกอบพิธีเข้าประจำการเรือฟริเกต BNS Khalid Bin Walid ครั้งที่สอง ต่อมาในวันที่ 9 มกราคม 2009 มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ Sheikh Hasina
ออกจากคุกกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงสมัยที่สอง
งานแรกที่เธอให้กับเรือฟริเกตลำโปรดก็คือ เปลี่ยนชื่อเรือจาก BNS Khalid
Bin Walid เป็น BNS Bangabandhu และติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน
HQ-7 ขนาด 8 ท่อยิงบริเวณหน้าสะพานเดินเรือ
ส่งผลให้เรือสามารถทำภารกิจครบ 3 มิติสมความตั้งใจ
และอยู่รับใช้ชาติเป็นเดอะแบกบังกลาเทศจนถึงปัจจุบัน